จับตาค้าปลีกพันธุ์ใหม่! สตาร์ทอัป Rise Mrkt หวังแจ้งเกิด “ร้านชำออนไลน์ไร้พลาสติก”

สตาร์ทอัปดาวรุ่ง Rise Mrkt วางแผนทำคลอดตัวเองด้วยฐานะบริษัทขายของชำปลอดพลาสติกให้ได้ในปีหน้า 2020 หากแคมเปญระดมทุนล่าสุดประสบความสำเร็จ Rise Mrkt จะใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้สำหรับทุกผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย ท่ามกลางไอเดียสำคัญนั่นคือบริการขอคืนบรรจุภัณฑ์จากลูกค้าที่ไม่มีบ่อฝังกลบ เพื่ออาสาสานต่องานย่อยสลายบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดแบบไม่ต้องทิ้งลงถังขยะเลย

Rise Mrkt ระบุรายละเอียดในแผนทำแคมเปญ Crowdfunding ว่าจะเน้นจำหน่ายของชำแห้งเป็นหลัก เช่น ถั่วและข้าวในช่วงเริ่มต้น ซึ่งบริษัทจะมีนโยบายรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพื่อให้ลูกค้าส่งบรรจุภัณฑ์ไม่ใช้แล้ว ไปยังโรงงานของ Rise Mrkt ที่อยู่ใกล้ที่สุด นอกจากนี้ Rise Mrkt จะทำงานร่วมกับเกษตรกรและผู้ผลิตโดยตรง เพื่อให้สามารถกำหนดราคาที่แข่งขันได้กับยักษ์ใหญ่ออนไลน์อย่าง Amazon

Rise Mrkt ยังวางแผนซื้อเครดิตคาร์บอนสำหรับทุกออเดอร์ที่จัดส่ง เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซตัวการทำโลกร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดส่งด้วย เรียกว่าคิดมาครบสำหรับการแจ้งเกิดเป็นรูปแบบการค้าปลีกเพื่อคนรักษ์โลก

ดีเดย์ปีหน้า

Jordyn Gatti ผู้ก่อตั้ง Rise Mrkt อธิบายว่าควรเป็นความรับผิดชอบของแบรนด์ที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับวงจรชีวิตของบรรจุภัณฑ์ และจะต้องรับผิดชอบให้ได้ ทำให้ Rise Mrkt ไม่เพียงแต่หวังจะจัดส่งอาหารในถุงที่ย่อยสลายได้ แต่จะช่วยให้ผู้บริโภคทำปุ๋ยหมักจากบรรจุภัณฑ์ในขั้นตอนสุดท้ายด้วย แนวคิดร้านชำเป็นมิตรกับโลกนี้สามารถตอบโจทย์เทรนด์แรงที่ผู้บริโภคต้องการลดปริมาณขยะและมลพิษกันมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นเทรนด์นี้ได้ชัดขึ้นอีกในปีหน้า

การวิจัยล่าสุดจาก Nielsen ชี้ว่า 81% ของผู้บริโภคคิดว่า ทุกบริษัทควรช่วยปรับปรุงสิ่งแวดล้อมโลก ดังนั้นไอเดียของ Rise Mrkt จึงถือว่าสอดคล้องกับเทรนด์ที่เกิดขึ้น ปัญหาเดียวคือการเข็นโครงการนี้ให้แจ้งเกิดในตลาดได้จริง เพราะแคมเปญ Kickstarter ที่ Rise Mrkt เปิดไว้นั้นเพิ่งระดมทุนได้ 3,154 เหรียญสหรัฐเท่านั้น จากเป้าหมาย 25,000 เหรียญ (สถิติช่วง 13 สิงหาคม 2019 ซึ่งมีเวลาอีก 18 วันกว่าแคมเปญจะสิ้นสุด)

อย่างไรก็ตาม สื่ออเมริกันมองว่ายังมีข้อจำกัดในโมเดลธุรกิจที่ Rise Mrkt คิดไว้ เพราะแม้การขายถั่ว ข้าว และของแห้งอาจถูกใจผู้ซื้อที่มุ่งมั่นและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมาก แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักมองหาร้านค้าแบบครบวงจรและประสบการณ์สะดวกสบาย จนไม่มีแรงจูงใจในการซื้อสินค้าเพียงบางอย่างจากร้านของชำออนไลน์ แม้ว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้จะชื่นชมแนวคิดปลอดพลาสติกก็ตาม

นอกจากนี้ ราคาของบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ ยังจะเป็นต้นทุนสำคัญหาก Rise Mrkt จะขยายตลาดในอนาคต ซึ่งจะเสียเปรียบร้านค้าปลีกที่ใช้พลาสติกต้นทุนต่ำ

แก้ปมขยะล้นอย่างยั่งยืน 

ไม่เพียง Rise Mrkt แต่ยังมีแบรนด์ค้าปลีกหลายแห่งในสหรัฐฯ ที่เน้นจุดยืนลดขยะอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนใหญ่ต้องการขานรับกับการสำรวจที่พบว่าคนอเมริกันสร้างขยะมากกว่า 4 ปอนด์ต่อคนต่อวัน ตัวเลขนี้จึงเป็นโอกาสยิ่งใหญ่สำหรับผู้ค้าปลีกในการหาโซลูชันบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกที่แตกต่างจากคู่แข่ง

การสำรวจของ Accenture พบว่ากว่า 1 ใน 3 ของผู้บริโภคจะพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์เมื่อตัดสินใจซื้อ โดย 72% กล่าวว่าจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว และเมื่อถามว่าผู้บริโภคจะหลีกเลี่ยงวัสดุบรรจุภัณฑ์ใดมากที่สุด ปรากฏว่าพลาสติกนั้นครองแชมป์ โดย 77% มองว่าพลาสติกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

หาก Rise Mrkt สามารถแจ้งเกิดในฐานะบริษัทที่มีความก้าวหน้าด้านบรรจุภัณฑ์ อย่างน้อยที่สุดก็อาจจุดประกายให้ลูกค้าบางกลุ่ม เนื่องจากวันนี้ผู้ค้าปลีกบางรายไม่ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาขยะพลาสติก ซึ่งล่าสุด Greenpeace ได้ออกรายงานฉบับเต็มเพื่อตีแผ่ความจริงในร้านขายของชำที่ไร้ประสิทธิภาพเรื่องการลดพลาสติก 

ปัจจุบัน แบรนด์ใหญ่อย่าง Walmart ยังประกาศคำมั่นพร้อมลดปริมาณการใช้พลาสติกโดยมีเป้าหมายนำบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่และรีไซเคิลได้ 100% ในสายการผลิตฉลากของบริษัทภายในปี 2025 ท่ามกลางผู้ค้าปลีกหลายรายที่ยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ขณะที่ผู้ค้าปลีกไทยหลายรายก็เริ่มลดการใช้ถุงพลาสติกและกำลังหาทางกำจัดหลอดพลาสติกและวัสดุอื่นที่จะเป็นขยะย่อยสลายยาก.

Source