การคืนช่อง “ทีวีดิจิทัล” ตามมาตรา 44 ที่ดำเนินการมา 3 เดือน เดินทางมากระบวนการสุดท้ายการยุติออกอากาศ และจ่ายเงินเยียวยาให้กับ 3 ช่องแรกไปแล้วในวันนี้ (16 ส.ค. 2562) รวมมูลค่า 1,020 ล้านบาท
ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า วันนี้สำนักงาน กสทช.จ่ายเงินเยียวยาให้กับทีวีดิจิทัล 3 ช่อง คือ สปริงนิวส์, สปริง 26 และไบรท์ทีวี ที่ยื่นขอคืนใบอนุญาตล็อตแรก รวมเป็นเงินค่าชดเชยที่จ่ายให้กับ 3 ช่อง จำนวน 1,020 ล้านบาท
ช่องแรก สปริง 26 จะได้รับเงินชดเชย 341 ล้านบาท ช่องที่ 2 สปริงนิวส์ ได้รับเงินชดเชย 405 ล้านบาท และช่องที่ 3 ไบรท์ทีวี ได้เงินค่าชดเชย 273 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 ช่อง ได้ยุติออกอากาศไปแล้วในเช้านี้ เวลา 00.01 น.
ในการจ่ายเงินชดเชยทั้ง 3 ช่อง สำนักงาน กสทช.ได้จ่ายเงินให้กองทัพบกเพื่อชำระค่าเช่าใช้โครงข่ายฯ ช่องสปริง 26 และ ไบรท์ ทีวี รวม 158 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าโครงข่ายช่อง สปริง 26 จำนวน 70 ล้านบาท และ ไบรท์ทีวี 87 ล้านบาท และจ่ายเงินให้กับธนาคารกสิกรไทยตามหนังสือโอนสิทธิของช่อง สปริง 26 จำนวน 250 ล้านบาท ตามจำนวนที่ค้างชำระอยู่ด้วย
การจ่ายเงินชดเชยให้ทีวีดิจิทัล หลังจากยุติออกอากาศทันที เพื่อให้ผู้ประกอบการนำเงินไปจ่ายชดเชยการเลิกจ้างพนักงานทันทีเช่นกัน
สำหรับช่องที่คืนใบอนุญาตทีวิดิจิทัลอีก 4 ช่องที่เหลือ คือ วอยซ์ ทีวี, ช่อง MCOT Family), ช่อง 3SD และช่อง 3 Family จะดำเนินเหมือน 3 ช่องแรก โดยจะยุติออกอากาศช่องสุดท้ายในวันที่ 1 ต.ค. 2562
ปัจจุบันอุตสาหกรรมสื่ออยู่ในสถานการณ์ “เทคโนโลยี ดิสรัปชั่น” จึงคาดการณ์ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ที่จะเข้าสู่ยุค 5G ดังนั้นทีวีดิจิทัลทั้ง 15 ช่องที่เหลืออยู่ ต้องปรับตัวและเดินหน้าต่อไป
“มาถึงวันนี้ไม่มีมาตรา 44 อีกแล้ว และก็ไม่สามารถคืนช่องรับเงินชดเชยได้อีก สิ่งที่ กสทช. ทำได้ในการช่วยเหลือหากเกิดวิกฤติตอนนี้ก็ยังไม่ได้ศึกษา แต่ขอให้ไม่มีวิกฤติ และทั้ง 15 ช่องโชคดี”
เปิด 10 อันดับเรตติ้งใหม่ทีวีดิจิทัล
การยุติออกอากาศทีวีดิจิทัลทั้ง 7 ช่อง ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดผู้ชมราว 8% และเม็ดเงินโฆษณาเดือนละ 120 ล้านบาท หรือราว 500 ล้านบาท นับจากยุติออกอากาศถึงสิ้นปีนี้ หลังจากทั้ง 7 ช่องลาจอ ผู้ชมและเม็ดเงินโฆษณาจะไหลไปยังแพลตฟอร์มออนไลน์และทีวีดิจิทัลที่มีฐานผู้ชมใกล้เคียงกันแทน
ภวัต เรืองเดชวรชัย ผู้อำนวยการธุรกิจสายงานการวางแผน และกลยุทธ์สื่อโฆษณา บริษัท มีเดีย อิเทลลิเจนซ์ จำกัด หรือ MI และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มีเดีย อินไซต์ จำกัด วิเคราะห์การย้ายฐานผู้ชมของทั้ง 7 ช่องว่า การยุติช่องเด็กของช่อง 3 Family คาดว่าผู้ชมจะย้ายไปที่ช่อง 3 ส่วนช่อง MCOT 14 Family ก็จะย้ายไปที่ MCOT HD แทนเพราะเป็นฐานผู้ชมเดียวกัน
ส่วนการยุติดช่องข่าว ผู้ชมช่องสปริงนิวส์ จะย้ายไป เนชั่นทีวี ส่วนไบรท์ทีวีและวอยซ์ทีวี จะย้ายไปไทยรัฐทีวี
ขณะที่การยุติช่องวาไรตี้ ช่องสปริง 26 ผู้ชมจะย้ายไปที่ช่อง MCOT HD เนชั่นทีวี และอมรินทร์ทีวี ส่วนช่อง 3SD จะย้ายไปที่ช่อง 3 แทน
หากประเมิน 10 อันดับเรตติ้งทีวีดิจิทัลใหม่ หลังจากทั้ง 7 ช่องยุติออกอากาศแล้ว อันดับ 1 ยังเป็นช่อง 7 ตามด้วย ช่อง 3 โมโน 29 เวิร์คพอยท์ ช่องวัน ไทยรัฐทีวี อมรินทร์ทีวี ช่อง 8 เนชั่นทีวี MCOT HD