แม้จะเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของตลาดกาแฟสำเร็จรูป ที่มีมูลค่า 26,100 ล้านบาท แต่เนสกาแฟยังมีเป้าหมายบางอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จ
โดยเฉพาะกับเซ็กเมนต์กาแฟพร้อมดื่ม ซึ่งเป็นเพียงเซ็กเมนต์เดียวในตลาดกาแฟสำเร็จรูปที่เนสกาแฟยังคงพ่ายแพ้ต่อเบอร์ดี้ คู่แข่งคนสำคัญที่ครอบครองเซ็กเมนต์นี้อย่างเหนียวแน่น ด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 65% ของมูลค่าตลาด 8,300 ล้านบาท
ความพยายามที่ผ่านมากับผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่มในกระป๋องรูปแบบเดิม ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2540 ดูจะไม่ช่วยกระตุ้นส่วนแบ่งตลาดที่เนสกาแฟมีอยู่เพียง 30% ให้เบียดเบอร์ดี้ขึ้นมาได้
เนสกาแฟ จึงเปลี่ยนสมรภูมิรบจากกาแฟกระป๋องเดิมๆ เป็น “กาแฟพร้อมดื่มคุณภาพพรีเมียม” ในชื่อ “เนสกาแฟ สไตล์” ที่พัทนัย เหลืองตระกูล ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจกาแฟพร้อมดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เชื่อมั่นว่าจะเปิดโอกาสให้เนสท์เล่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาด
“ความต้องการกาแฟพร้อมดื่มคุณภาพพรีเมียมในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 10 เท่าในช่วงระยะเวลา 4 ปี
ความมั่นใจของพัทนัยในกาแฟคุณภาพพร้อมดื่ม เกิดจากการสำรวจผู้บริโภคของเนสท์เล่ ก่อนสรุปออกมาเป็นเทรนด์ที่เรียกว่า “Fluid Life”
Fluid Life หมายถึง คนที่ใช้ชีวิตคล่องตัว เร่งรีบ ชื่นชอบนวัตกรรมใหม่ๆ มีไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และชอบทำกิจกรรมซึ่งเป็นเทรนด์ของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตในเมือง
การออก “เนสกาแฟ สไตล์” ของเนสท์เล่จึงครอบด้วยเทรนด์ใหม่นี้ ผลิตภัณฑ์ต้องตอบโจทย์ในแง่ของ Instant Availability สามารถหาซื้อได้ง่าย Shortcut อร่อยได้อย่างทันใจ ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องไปยืนรอใครชง Me time ดื่มด่ำไปกับรสชาติที่น่าลิ้มลอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาของเราโดยแท้จริง Community Connector ขวดที่ออกแบบมาอย่างมีสไตล์ ทำให้ถือแล้วรู้สึกภูมิใจ ไม่แปลกแยกในสังคม และ Energy Management ซึ่งแน่นอนว่า กาแฟช่วยให้รู้สึกสดชื่น มีพลังงาน และกระปรี้กระเปร่า
ขณะที่ โออิชิ ผู้ผลิตกาแฟคอฟฟิโอ ซึ่งเป็นเจ้าตลาดกาแฟพร้อมดื่มคุณภาพในปัจจุบัน แม้จะยังไม่เห็นเทรนด์ของผู้บริโภคชัดเจนมากนัก แต่ก็ระบุว่า การเข้ามาของเนสกาแฟ น่าจะส่งผลดีต่อตลาดโดยรวมของการแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียม
แม้ในปัจจุบัน ตลาดของกาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียมในไทยจะมีมูลค่าอยู่เพียง 240 ล้านบาท แต่เนสกาแฟก็เชื่อมั่นว่าภายในปีนี้จะขยับขึ้นเป็น 520 ล้านบาท และเทรนด์จะเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งในปีนี้เนสกาแฟคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 60% ในตลาดกาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมี่ยมของไทย
และจะใช้ “เนสกาแฟ สไตล์” เป็นสินค้าเรือธงที่จะช่วยผลักดันให้เนสกาแฟเอาชนะเบอร์ดี้ได้ ในตลาดกาแฟพร้อมดื่ม นี่คือสิ่งที่เนสกาแฟวาดหวังไว้
มูลค่าตลาดกาแฟสำเร็จรูป 2552 อยู่ที่ 26,100 ล้านบาท
กาแฟทรีอินวัน 12,000 ล้านบาท
กาแฟพร้อมดื่ม 8,300 ล้านบาท
กาแฟผง 4,500 ล้านบาท
กาแฟเพื่อสุขภาพ 1,300 ล้านบาท
เซ็กเมนต์กาแฟพร้อมดื่ม
เบอร์ดี้ 65%
เนสกาแฟ 30%
อื่นๆ (ดีเซเว่น, คอฟฟิโอ) 5%