ธุรกิจ “อีคอมเมิร์ซ” ไทย เป็นหนึ่งในตลาดเติบโตสูงมาต่อเนื่อง ปีที่ผ่านมาทุกประเภทมีมูลค่ารวม 3.2 ล้านล้านบาท เทรนด์ดังกล่าวส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์และการจัดส่งสินค้าเป็นอีกตลาดที่มี “ผู้เล่น” หน้าใหม่เข้ามาชิงเค้กธุรกิจโลจิสติกส์ทางบกมูลค่ากว่า 1.45 แสนล้านบาทอย่างดุเดือด
แต่หากโฟกัสเฉพาะ “ธุรกิจขนส่งพัสดุ” ปีก่อนมีมูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท ยังเติบโตได้ปีละ 10 – 20% “ผู้นำ” ในตลาดนี้ ต้องยกให้ ไปรษณีย์ไทย และ Kerry Express ครองตลาดร่วมกันกว่า 80%
“ทุนจีน” ธุรกิจขนส่งพัสดุรุกหนักตลาดไทย
ความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาพบผู้ประกอบการหน้าใหม่ โดยเฉพาะ “ทุนจีน” เข้ามารุกธุรกิจขนส่งพัสดุในไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Flash Express ที่มีทุนจีนร่วมกับผู้บริหารไทย คาดสิ้นปี 2562 มี 1,700 สาขา เป็นการลงทุนเองทั้งหมด วางเป้าหมายสิ้นปีนี้จัดส่งสินค้ารวม 40 ล้านชิ้น
กลุ่มทุนจีน อีกรายที่เปิดตัวช่วงต้นปีนี้ คือ Best Express ในเครือ BEST INC หนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์ของจีน และมี “อาลีบาบา” ร่วมถือหุ้น โดยเข้ามาร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทย ลงทุนโลจิสติกส์ และธุรกิจขนส่งพัสดุ ด้วยโมเดลขยายสาขาแฟรนไชส์ 100% ภายในสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าขยายจุดให้บริการไว้ที่ 2,200 สาขาทั่วประเทศ
ล่าสุด J&T Express ทุนจีนอีกรายในธุรกิจขนส่ง ได้เข้ามาลงทุนขยายสาขาตั้งแต่เดือน มี.ค. 2562 ปัจจุบันให้บริการครอบคลุม “ทุกอำเภอ” ทั่วประเทศ สิ้นปีนี้จะเปิดครบ 1,000 สาขา โดยเป็นการลงทุนเองทั้งหมดไม่มีแฟรนไชส์ รวมทั้งเปิดศูนย์กระจายสินค้า 15 แห่ง ปีแรกในเงินลงทุนรวม 2,500 ล้านบาท
เจาะอีคอมเมิร์ซเปิด 365 วัน
บรูซ หลิว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย กล่าวว่า ธุรกิจของ J&T Express เป็นทุนจีนที่จดทะเบียนบริษัทที่ฮ่องกง เริ่มขยายธุรกิจขนส่งพัสดุแห่งแรกที่อินโดนีเซีย ปัจจุบันครอบคลุม 7 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ กัมพูชา และไทย เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโต
โดย J&T Express วางตำแหน่งเป็นผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นเทรนด์เติบโตสูงในไทย สะท้อนได้จากปีที่ผ่านมาตลาดโซเซียล คอมเมิร์ซ เติบโต 80% ลูกค้าหลักของ เจแอนด์ที จะเป็นผู้ประกอบการ โซเชียล คอมเมิร์ซ ทั้งเอสเอ็มอี พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์และบุคคลทั่วไป รวมทั้งลูกค้าผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ในกลุ่มมาร์เก็ตเพลส เริ่มต้นที่ ช้อปปี้ (Shopee) และมีแผนจะขยายพันธมิตรเพิ่ม
จุดขายที่แตกต่างของ เจแอนด์ที คือการให้บริการ 365 วัน ไม่มีวันหยุด ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีรายใดให้บริการทุกวัน ทุกสาขา เหมือนเจแอนด์ที กลยุทธ์ให้บริการทุกวันเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ที่ต้องการส่งสินค้าทุกวัน เพราะผู้บริโภคเองก็มีพฤติกรรมซื้อสินค้าทุกวันไม่เว้นวันหยุด หากผู้ประกอบการออนไลน์ สามารถส่งสินค้าได้ทุกวัน ก็จะสร้างรายได้มากขึ้นและลูกค้าพอใจในการใช้บริการ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจขนส่งสินค้าเติบโตตามไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีเซอร์วิสระบบติดตามพัสดุ ที่สามารถตรวจสอบสถานะพัสดุและราคาค่าจัดส่งพัสดุแบบเรียลไทม์ ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ แอปพลิเคชั่น เว็บไซต์ ศูนย์บริการลูกค้า Call Center 24 ชั่วโมง ปัจจุบันมียอดส่งพัสดุวันละ 1 แสนชิ้น สิ้นปีนี้วางเป้าหมาย 3 แสนชิ้น ราคาเริ่มต้นค่าบริการ 35 บาท
“เจแอนด์ที วางเป้าหมายเป็นผู้นำธุรกิจขนส่งสินค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย ภายใน 4 ปี”
สำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เจแอนด์ที เลือก “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์สื่อสารแบรนด์และสร้างการรับรู้เซอร์วิสต่างๆ ในธุรกิจขนส่งพัสดุ.