หลังเที่ยงคืนวันนี้ (30 ก.ย.) ช่อง 3 Family และ ช่อง 3 SD ทีวีดิจิทัล 2 ช่อง ของกลุ่มบีอีซี เวิลด์ ถึงคิวยุติออกอากาศ จากการคืนใบอนุญาตกับ กสทช. ประกาศพร้อมกลับมาโฟกัสคอนเทนต์ “ช่อง 3” ประเดิมปรับผังรายการข่าวใหม่ กับเป้าหมาย “เรตติ้งเบอร์ 1” ทั้งสถานี
อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังยุติออกอากาศทีวีดิจิทัล 2 ช่อง จะกลับมามุ่งบริหารรายการบนช่อง 3 หรือ ช่อง 33 เพียงช่องเดียวให้แข็งแกร่ง โดยเฟสแรกได้ปรับโฉม “รายการข่าว” ทุกรายการ เดือนต.ค.นี้เริ่มที่ 3 รายการ คือ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ เรื่องเด่นเย็นนี้ และ ข่าว 3 มิติ และจะปรับโฉมครบทุกรายการข่าวที่มีจำนวน 11 รายการในไตรมาส 4 ปีนี้
นอกจากนี้มีอีก 2 รายการกลุ่มข่าวจากช่อง 28 คือ โหนกระแส และ ข่าวนอกลู่ ย้ายมาออกอากาศที่ช่อง 3 ส่วนรายการประเภทอื่นๆ กลุ่มวาไรตี้และละคร จะปรับผังช่วงต้นปี 2563
ปัจจุบันเรตติ้งรายการข่าวช่อง 3 “ส่วนใหญ่” เป็นที่หนึ่งเกือบทุกรายการ อาทิ เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง เที่ยงวันทันเหตุการณ์ เรื่องเด่นเย็นนี้ เป็นต้น เป้าหมายหลังจากปรับโฉมรายการข่าวใหม่ในปีนี้ คือการผลักดันให้ช่อง 3 เป็นผู้นำเรตติ้งรายการข่าวทั้งสถานีในทุกช่วงเวลา โดยเฉลี่ยเรตติ้งจะต้องอยู่ระดับ 1.5 – 2
“น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ไตรมาส กับเป้าหมายการขึ้นมาครองเรตติ้งข่าวเบอร์ 1 ทั้งสถานี ทั้งการนำเสนอบนจอทีวีและบนออนไลน์ ปัจจุบันเพจข่าวช่อง 3 ทุกรายการ บน Facebook มีผู้ติดตามกว่า 14 ล้านคนแล้ว”
ชูจุดขายทัพผู้ประกาศ 50 คน
การปรับโฉมรายการข่าวใหม่ วาง Positioning ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้ชม “ช่อง 3” ด้วยแนวคิด “ข่าวจริง ทันเหตุการณ์ พึ่งพาได้” ซึ่งก็มาจากการเป็น “สื่อหลัก” ที่ต้องทำหน้าที่นำเสนอข่าวจริงที่มีความน่าเชื่อถือ มีทีมงานลงพื้นที่รายงานข่าวในสถานการณ์สำคัญ และเป็นสื่อที่พึ่งพาได้
กลยุทธ์การนำเสนอคอนเทนต์ข่าว โฟกัสข่าว 3 ประเภทที่อยู่ในความสนใจของฐานผู้ชม “ช่อง 3” คือ ข่าวสังคม อาชญากรรม และข่าวบันเทิง ซึ่งมีฐานผู้ชมมากที่สุด
“จุดแข็งของข่าวช่อง 3 คือการมีผู้ประกาศที่เป็นที่รู้จักถึง 50 คน นอกจากเป็นผู้ประกาศข่าว จะทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมและผู้ชมเมื่อเกิดเหตุการณ์เดือดร้อน”
ดันรายได้ข่าวสัดส่วน 10%
ที่ผ่านมา ช่อง 3 ถือเป็นผู้ครองบัลลังก์รายการข่าว รายได้จากรายการข่าวเคยขึ้นไปสูงสุดที่สัดส่วน 10% ของรายได้ ปัจจุบันลดลงมาเป็นตัวเลขหลักเดียว จากคู่แข่งขันที่เพิ่มขึ้น เป้าหมายการปรับโฉมรายการข่าวครั้งนี้ ก็เพื่อผลักดันรายได้จากรายการข่าวให้กลับไปมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 10% เหมือนเดิม เป้าหมายแรกต้องทำเรตติ้งให้ขยับขึ้นก่อน จากนั้นจึงเป็นโอกาสของการปรับขึ้นราคาโฆษณา
ปัจจุบันรายได้หลักของช่อง 3 มาจากรายการละคร 80% ที่เหลือเป็นวาไรตี้ และข่าว นอกจากผลักดันรายการข่าวให้มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว จะหาโอกาสสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ เช่น ออนไลน์ การขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่างประเทศ ให้มีสัดส่วน 10% ของรายได้ในอนาคต
สำหรับสถานการณ์การแข่งขันธุรกิจทีวีดิจิทัลหลังจาก 7 ช่องคืนใบอนุญาต ยุติออกอากาศ มองว่าการแข่งขันยังคงเหมือนเดิม โดยอยู่ที่ 10 อันดับเรตติ้งแรก ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะแข่งขันช่วงชิงเม็ดเงินโฆษณาทีวี.