แนะ 3 วิธีสร้างทีมเวิร์คในการทำงานด้วยข้อมูลยุค 4.0

ยุคที่การทำงานมีการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันสูงทั้งด้านธุรกิจ บุคลากร หลายองค์กรมีปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันข้อมูลนับว่ามีความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมากในการทำงานเชิงรุก

หากมีการนำข้อมูลมาสร้างเป็นกลยุทธ์สนับสนุนให้งานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นทวีความสำคัญเป็นอย่างมากในยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ได้นำ 3 วิธีการในการสร้างทีมทำงานโดยใช้ข้อมูล เป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อนำพาทีมไปสู่ความสำเร็จ

พร้อมกันนี้ ได้นำบางส่วนของบทความของโทมัส คามอร์โรพรีมูซิคซึ่งระบุว่า ผู้นำในหลายองค์กรยอมรับว่าตนเองตัดสินใจโดยใช้สัญชาตญาณมากกว่าที่จะใช้ข้อมูล ตามหลักความเป็นจริงการเป็นผู้นำที่ตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลถือว่าเป็นผู้มีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่และรับผิดชอบต่อสังคมนำไปสู่การปฏิบัติตาม นอกจากนี้ การการคิดแบบมี ตรรกะ ยังช่วยนำไปสู่การพัฒนาทีมได้อีกด้วย สำหรับข้อแนะนำ 3 วิธีที่จะช่วยให้ทีมของคุณกลายเป็นทีมที่ทำงานโดยใช้ข้อมูลอย่างมีตรรกะเป็นหลัก

1. การส่งเสริมการคิดเชิงวิเคราะห์

ในการทำงานผู้นำและทีมงานจะต้องมีการร่วมประชุมปรึกษาหารือ เกี่ยวกับงาน รวมถึงการแลกเปลี่ยนมุมมอง ทัศนะต่างๆ โดยการวิเคราะห์และมีข้อมูลประกอบเพื่อสนับสนุนและวิเคราะห์ถึงแก่นของข้อมูลนั้นๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการทำงาน ถึงแม้ว่าปัจจุบันบทบาทของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน แต่มนุษย์ก็ยังมีส่วนสำคัญและรู้จักการปรับประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะทำให้องค์กรสามารถคาดการณ์ได้โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำลง ดังนั้น ความสนใจใฝ่รู้และการคิดเชิงวิเคราะห์ของมนุษย์เป็นสิ่งจำเป็น

อย่างไรก็ตาม หากบุคลากรจะแตกต่างกันในแง่การยอมรับการคิดเชิงวิเคราะห์ ผู้นำสามารถช่วยทีมงานได้พัฒนาศักยภาพที่มีได้ หากมอบสิ่งจูงใจแก่พนักงาน ให้ความเห็นสะท้อนกลับที่เหมาะสม และสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการและไม่มีลำดับขั้นที่บุคลากรสามารถแบ่งปันมุมมองและแนวคิดของตนได้

ตัวอย่างเช่น ที่ Airbnb พนักงานสามารถเขียนปัญหาไว้ในฐานข้อมูลความรู้ภายในที่อนุญาตให้บุคลากรอื่นสามารถตอบหรือเสนอทางแก้ไขได้ ความพยายามง่ายๆ ในการรวบรวมความรู้แบบนี้จะช่วยยกระดับความสามารถในการแก้ไขปัญหาของทีมงานของคุณโดยการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถโดยรวมของบุคลากร

2. การลงทุนด้านการฝึกอบรม

จะเห็นได้ว่า ผู้นำและบุคลากรให้ความสำคัญอันดับต้นๆ จากผลการศึกษาด้านการวิเคราะห์ระบุว่าการฝึกอบรมที่ออกแบบย่างเหมาะสมจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้อย่างเป็นทางการได้ถึง 60 ของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า โดยเฉลี่ยบุคลากรในกลุ่มที่รับการฝึกอบรมจะสามารถปฏิบัติงานได้ดีขึ้นถึง 73% ของบุคลากรในกลุ่มที่ไม่ได้รับการฝึกอบรม

ซึ่งหมายความว่าศักยภาพของบุคลากรจากการฝึกอบรม การฝึกฝนที่ดีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำงานเพียง 1% ในขณะที่ 99% ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณภาพของบุคลากรที่แสดงออกมา (หรือวัดได้) ก่อนการฝึกอบรมจะเกิดขึ้น อีกนัยหนึ่ง ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกอบรมในส่วนของความเชี่ยวชาญหรือความรู้สามารถคาดการณ์ได้จากศักยภาพเบื้องต้นของบุคลากร ซึ่งเป็นผลดีต่อการจ้างงานในระยะยาวมากกว่าการฝึกอบรมที่ดี

ปัจจุบันแหล่งข้อมูลสามารถเข้าถึงได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Google เปิดให้ใช้ทรัพยากรโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายรวมถึงหลักสูตรออนไลน์เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ การวิเคราะห์ข้อมูล และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้การลงทุนเบื้องต้นที่สำคัญไม่ใช่เงิน แต่เป็นเวลา และเชื่อว่าคุณต้องจูงใจบุคลากรให้ใช้เวลาให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์ที่สุด

3. การเลือกจ้างบุคคลที่เหมาะสมตรงกับงาน

หลังการฝึกอบรมทักษะเชิงปริมาณ ข้อมูล หรือการคิดวิเคราะห์เชิงตรรกะ สิ่งที่จะสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบุคลากรในการเรียนรู้และแสดงทักษะเหล่านั้นออกมา โดยวัดได้จากความสามารถ ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างชาญฉลาดและเรียนรู้ศักยภาพด้านอื่นๆ

ซึ่งเปรียบเทียบกับการวัดแรงม้าทางความคิดหรือความเร็วของกระบวนการในการคิด นอกจากนี้การวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าบุคลากรเหล่านี้จะมีความเชี่ยวชาญหรือความรู้พื้นฐานในสาขาใด พวกเขาจะสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าและดีกว่า

ทั้งนี้ 3 วิธีดังกล่าวที่นำมาเป็นแนวทางในการสร้างทีมเวิร์ค โดยมีสิ่งสำคัญคือ ข้อมูล นำมาคิดวิเคราะห์อย่างมีตรรกะ นอกจากนี้ยังเสริมทีมด้วยการฝึกอบรมทักษะ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และอีกหนึ่งสิ่งที่จะละเลยไม่ได้คือ การเลือกบุคคลให้เหมาะสมกับงาน จะส่งผลให้งานมีความสำเร็จเพราะบุคลากรมีความเข้าใจในงานนั้นๆ อย่างแท้จริง องค์กรต่างๆสามารถนำแนวทางไปปรับให้เหมาะกับองค์กรของคุณเพราะความสำเร็จออกแบบได้.