TCP หรือกลุ่มกระทิงแดงได้รีเฟรชแบรนด์สปอนเซอร์ แอคทีฟ ปรับรสชาติใหม่ เปลี่ยนฉลาก พร้อมเปิดตัว “เก้า สุภัสสรา” เป็นพรีเซ็นเตอร์ผู้หญิงคนแรก หวังขยายฐานไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ
แม้เป็นเจ้าตลาด แต่ก็ต้องขยายตลาด
ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ หรือสปอร์ตดริ้งค์ขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดที่หินพอสมควร เพราะมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง “สปอนเซอร์” จากค่าย TCP หรือกระทิงแดง ได้ครองส่วนแบ่งการตลาดไปแล้วกว่า 90% เพราะได้ทำตลาดมานานกว่า 30 ปี ยากที่จะมีแบรนด์ไหนมาโค่นลงไปได้
แต่ตลอดเครื่องดื่มเกลือแร่ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี แม้ไม่ได้หวือหวามากนัก ในปัจจุบันมีมูลค่า 5,000 ล้านบาท เติบโต 15% เพราะด้วยเทรนด์ของคนออกกำลังกายมากขึ้น มีไลฟ์สไตล์อยู่นอกบ้านมากขึ้น อีกทั้งเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ผู้บริโภคต้องการเครื่องดื่มที่เติมความสดชื่นแก่ร่างกาย
สปอนเซอร์ได้มีสินค้าแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ สปอนเซอร์ ออริจินัล หรือที่เรียกกันคุ้นเคยว่าสปอนเซอร์สีเหลือง เป็นรสดั้งเดิม และสปอนเซอร์ แอคทีฟ เป็นสปอนเซอร์รสชาติใหม่ๆ เป็นเหมือนซับแบรนด์ที่มีการปรับชื่อมาหลายครั้ง จนล่าสุดได้ลงเอยที่ชื่อสปอนเซอร์ แอคทีฟ
สำหรับการทำการตลาดของทั้ง 2 กลุ่มก็มีความแตกต่างกัน สปอนเซอร์ ออริจินัลจะเน้นที่กลุ่มคนออกกำลังกาย นักกีฬาเป็นหลัก มีพรีเซ็นเตอร์เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย ด้วยการกำหนดจุดยืนมาตั้งแต่แรกทำให้ยากที่จะปรับภาพลักษณ์ใหม่
ทำให้โจทย์ใหญ่ของสปอนเซอร์คือการมีสินค้าใหม่ เปิดแบรนด์ใหม่ที่จับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ถึงแม้ว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดที่เกือบกินทัง้ตลาดไปแล้ว แต่สวปอนเซอร์ยังคงขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง
ปรับภาพลักษณ์ ไม่ได้สำหรับคนออกกำลังกายเท่านั้น
หน้าที่ของการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ จึงเป็นหน้าที่ของแบรนด์ “สปอนเซอร์ แอคทีฟ” โดยล่าสุดได้ทำการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ มี 3 ราติ 3 สูตรด้วยกัน ได้แก่ สีเขียว สีแดง และสีฟ้า พร้อมปรับฉลากใหม่ ปรับสูตรให้น้ำตาลน้อยลง
และได้ดึง “เก้า สุภัสสรา ธนชาต” เป็นพรีเซ็นเตอร์สาวคนแรกของแบรนด์ เพราะก่อนหน้านี้มีการใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้ชายมาโดยตลอด และเก้าเองก็มีคาแร็กเตอร์ตรงกับแบรนด์ หวังใช้พูดคุยกับคนรุ่นใหม่
ศุภชัย จุนเกียรติ ผู้อำนวยการสายงานการตลาดโกลเบิล กลุ่มธุรกิจ TCP เล่าว่า
“ครั้งนี้เป็นการรีลอนซ์แบรนด์สปอนเซอร์ แอคทีฟครั้งใหญ่ที่สุด มีการปรับสูตร ปรับฉลาก ปรับวิธีการสื่อสารใหม่ เพราะเห็นช่องว่างที่ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ยังเข้าไม่ถึงสปอร์ตดริ้งค์ จริงๆ ไม่ได้แค่คนออกกำลังกาย แต่ยังเป็นคนทำงาน มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟต่างๆ และต้องการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยมากขึ้นด้วย”
ศุภชัยยังเสริมอีกว่า ในอดีตเครื่องดื่มเกลือแร่ หรือสปอร์ตดริ้งค์มีการโฆษณาเน้นเรื่องการออกกำลังกายเป็นส่วนใหญ่ จึงทำการวิจัยว่าทำอย่างไรให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น มีการปรับสูตรให้น้ำตาลน้อยลง เพราะคนรุ่นใหม่กังวลเรื่องน้ำตาล และดึงเก้าเป็นพรีเซ็นเตอร์เพราะต้องการให้หลุดกรอบจากนักกีฬา
ทำไมเครื่องดื่มเกลือแร่ต้องอยู่ในขวดแก้ว?
อีกหนึ่ง Pain Point ใหญ่ของเครื่องดื่มเกลือแร่ที่ทำให้เป็นกำแพงกับคนรุ่นใหม่ก็คือ แพ็กเกจจิ้ง “ขวดแก้ว” จะเห็นว่าหลายๆ แบรนด์เลือกใช้แพ็กเกจจิ้งนี้ในตลาดแต่คนรุ่นใหม่นิยมพกพาขวดพลาสติกหรือกระป๋องเสียมากกว่าเพราะสะดวกและดูทันสมัยกว่า
แต่ทางศุภชัยบอกว่าขวดแก้วยังคงเป็นแพ็กเกจจิ้งสำคัญในตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ เพราะขวดแก้วทำให้คงวิตามินของเครื่องดื่มได้ดี แม้จะมีข้อจำกัดในการเข้าถึงผู้บริโภค แต่ก็ไม่เปลี่ยนใจไปแพ็กเกจจิ้งอื่น เพียงแต่เพิ่มทางเลือกด้วยแพ็กเกจจิ้งแบบกระป๋องเข้ามาให้คนรุ่นใหม่เท่านั้นเอง.