อังกฤษกับสหภาพยุโรป สามารถทำข้อตกลง “Brexit” ได้ในวันที่ 17 ต.ค. ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าการประชุมซัมมิตของพวกผู้นำ EU ในกรุงบรัสเซลส์ อย่างไรก็ดี ยังมีข้อสงสัยกันเป็นอย่างมากว่า ข้อตกลงนี้จะสามารถผ่านการอนุมัติของรัฐสภาแดนผู้ดีได้สำเร็จหรือไม่
“เมื่อมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ก็จะทำข้อตกลงกันได้สำเร็จ และตอนนี้เราก็ได้มาอันหนึ่งแล้ว เป็นข้อตกลงที่ยุติธรรมและมีความสมดุลทั้งสำหรับอียูและสำหรับอังกฤษ และมันเป็นข้อพิสูจน์อย่างชัดแจ้งถึงความยึดมั่นผูกพันของเราที่จะค้นหาหนทางแก้ไขปัญหา” ฌอง–โคลด จุงเกอร์ ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู กล่าวในทวิตเตอร์ เพียงแค่สองสามชั่วโมงก่อนที่ซัมมิตอียูจะเริ่มต้นขึ้น
เขากล่าวว่า เขาจะแนะนำให้บรรดาผู้นำของรัฐสมาชิกอื่นๆ ทั้ง 27 ราย อนุมัติรับรองข้อตกลงใหม่นี้
“ผมเชื่อว่ามันเป็นเวลาที่ถูกต้องเหมาะสมสำหรับการทำให้กระบวนการหย่าร้างนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แล้วก็เดินหน้ากันต่อไป อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สู่การเจรจาว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนในอนาคตระหว่างสหภาพยุโรปกับอังกฤษ” จุงเกอร์ระบุในจดหมายที่แนบมาด้วยฉบับหนึ่ง
ในอีกด้านหนึ่ง นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ก็แถลงว่า “เราได้ข้อตกลงเบร็กซิตฉบับใหม่ที่ยิ่งใหญ่”
จอห์นสันนั้นกำลังวาดหวังให้รัฐสภาอังกฤษอนุมัติรับรองข้อตกลงฉบับนี้ ในระหว่างการประชุมสมัยวิสามัญวันที่ 19 ต.ค. นี้ เพื่อแผ้วถางทางให้อังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกอียูอย่างราบรื่นในวันที่ 31 ตุลาคม
อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองในไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งจอห์นสันจำเป็นต้องขอพึ่งพาให้ช่วยโหวต เพื่อให้ข้อตกลงใดๆ ก็ตามผ่านสภาไปได้สำเร็จนั้น ได้แสดงท่าทีแล้วว่าปฏิเสธไม่ยอมสนับสนุนดีลฉบับใหม่นี้ ซึ่งสำเร็จออกมาได้ภายหลังอังกฤษกับอียูเจรจากันอยู่หลายสัปดาห์
ขณะที่ เจเรมี คอร์บิน ผู้นำของพรรคเลเบอร์ ซึ่งเป็นฝ่ายค้านหลักในอังกฤษ แถลงที่กรุงบรัสเซลส์ว่า เขา “ไม่พอใจ” กับข้อตกลงใหม่นี้ และจะออกเสียงคัดค้าน พวก ส.ส.ในพรรคของเขายังพูดกันว่า พวกเขาได้รับแจ้งให้โหวตเห็นชอบให้จัดการลงประชามติเรื่องเบร็กซิตกันใหม่อีกครั้ง ในการประชุมสภาวันเสาร์นี้
แต่ถึงยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างมาก ตลาดการเงินก็ขานรับข่าวนี้ โดยที่เงินปอนด์อังกฤษมีมูลค่าสูงขึ้นไปทันทีมากกว่า 1% ส่วนพวกราคาหุ้นในอังกฤษก็ขยับขึ้นเป็นแถว ภายหลังมีการประกาศว่าสามารถทำดีลฉบับใหม่ได้แล้ว