ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2562 โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 26,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.7% จากช่วงเดียวกันของปี 2561
โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามการขยายตัวของสินเชื่อที่แข็งแกร่งที่ 6.4% จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561
สรุปผลประกอบการตามงบการเงินรวมที่สำคัญสำหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2562
- กำไรสุทธิ: จำนวน 26.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561
- การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 6.4% หรือจำนวน 106.5 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 โดยการเติบโตของสินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ โดยสินเชื่อเพื่อรายย่อยยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักโดยเพิ่มขึ้นจำนวน 54.5 พันล้านบาท หรือ 6.9% ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มขึ้นจำนวน 31.0 พันล้านบาท หรือ 5.0% และ 21.0 พันล้านบาท หรือ 8.4% ตามลำดับ
- การเติบโตของเงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 4.8% หรือจำนวน 68.7 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561
- รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย: เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 40.0% หรือจำนวน 10.2 พันล้านบาท จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการบันทึกกำไรจากการขายหุ้นของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน
- อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: อยู่ที่ 42.6% ปรับตัวดีขึ้นจาก 46.7% ในงวดเก้าเดือนแรกของปี 2561
- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 3.68% จาก 3.81% ในงวดเก้าเดือนแรกของปี 2561 ปัจจัยหลักมาจากการขายหุ้น 50% ของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด ขณะที่ผลตอบแทนในสินเชื่อประเภทอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลง
- สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs): ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 2.01% จาก 2.08% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561
- อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ 167.0% ปรับตัวดีขึ้นจาก 160.8% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561
- อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 16.46%
เซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“ผลประกอบการที่แข็งแกร่งแสดงถึงศักยภาพของกรุงศรีในการบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม ส่งผลให้มีการเติบโตของสินเชื่อที่ต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย”
นายอาคิตะ ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจโดยรวม ว่า “จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่ออุปสงค์ภายในประเทศและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ กรุงศรีคาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากที่ประเมินไว้ก่อนหน้า โดยปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลงมาอยู่ที่ 2.9% จาก 3.2% อย่างไรก็ตาม จากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะยังคงเกื้อหนุนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจต่อเนื่องในไตรมาส 4 กรุงศรีคาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อสำหรับปี 2562 จะอยู่ในกรอบบนของเป้าหมายที่ 6 – 8%”
ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.78 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.50 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.27 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 263,9200 ล้านบาท หรือเทียบเท่า 16.46% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 11.79%.