เปิดศึกโฆษณาการเมือง Twitter-Facebook หลังทวิตภาพประกาศแบนโฆษณา

กลายเป็นศึก 2 คน 2 คมไปแล้วสำหรับ Jack Dorsey ประธานบริหารของ Twitter ที่ประกาศเมื่อว่าจะไม่มีการซื้อขายโฆษณาทางการเมืองในระบบ Twitter อีกต่อไป กำหนดดีเดย์คือตั้งแต่พฤศจิกายน 2019 เป็นต้นไป

แม้ว่าจะไม่มีการเอ่ยชื่อ Mark Zuckerberg เจ้าพ่อ Facebook แต่ก็ชัดเจนว่าความเคลื่อนไหวนี้กระทบกับจุดยืนการรับเงินซื้อโฆษณาทางการเมืองที่พบว่ามีการแสดงข้อมูลเท็จบน Facebook อย่างจัง ทำให้สื่อทั่วโลกจับตาเป็นพิเศษเพราะ CEO Twitter นั้นออกหมัดตรงถึง Facebook มากขึ้นเรื่อย แม้ว่าทั้งคู่จะตกที่นั่งคล้ายกัน เรื่องถูกตรวจสอบเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม

Twitter ไม่ใช่คนแรกที่เลือกเดินทางนี้ ยังมี TikTok ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะห้ามโฆษณาทางการเมืองบนแพลตฟอร์ม

สื่อมอง Twitter กำลังกระทุ้ง Facebook

การประกาศงดซื้อขายโฆษณาทางการเมืองบนแพลตฟอร์ม Twitter อาจถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจเพื่อรับช่วงเวลาเตรียมการเลือกตั้งปี 2020 ที่จะมีขึ้นวันที่ 22 พฤศจิกายนปีหน้า บนเหตุผลที่ Twitter มองว่าการจ่ายเงินเพื่อเพิ่มตัวเลข reach ของเนื้อหาที่เป็นสุนทรพจน์ทางการเมืองนั้นมีแง่มุมและแนวทางหลากหลายซึ่งโครงสร้างระบบประชาธิปไตยปัจจุบันอาจยังรับมือไม่ได้

คำพูดนี้ทำให้สื่อเชื่อว่า Jack Dorsey กำลังกระทุ้ง Mark Zuckerberg เพราะการประกาศจุดยืนใหม่ของ Twitter นั้นเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่จะมีการประกาศผลประกอบการ Facebook ซึ่งตัว Facebook ยังไม่มีวี่แววเมินโฆษณาทางการเมือง เนื่องจากต้องการยืนฝั่งสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือ freedom of speech

Facebook ยืนยันช่วงก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ปิดกั้นโฆษณาทางการเมือง แม้ว่าโฆษณานั้นจะแสดงข้อมูลเท็จ โดยให้เหตุผลว่าหาก Facebook ปิดกั้น ก็จะเข้าข่ายละเมิดภารกิจของบริษัทในการส่งเสริมความเสรีในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ Facebook ประกาศแบบนี้ Twitter ก็ประกาศคนละทางว่าไม่อนุญาตให้มีโฆษณาทางการเมืองอีกต่อไป ซึ่งรวมถึงโฆษณาแคมเปญจากผู้สมัครทางการเมืองและโฆษณาในหัวข้ออ่อนไหวอื่นด้วย เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก และการทำแท้ง

ความเห็นของ Dorsey ที่ไม่ลงรอยกับ Zuckerberg ถูกสื่ออเมริกันจับตามองใกล้ชิด โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Dorsey ใช้คำว่า “Hell no” หรือไม่มีทางเลยเมื่อถูกถามว่า Twitter จะเข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล Libra Currency ของ Facebook หรือไม่? ไม่ว่าอย่างไร จุดยืนชัดเจนของ Twitter จะถูกประกาศอีกครั้งในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้นโยบายใหม่ใน 7 วันถัดมา เพื่อแจ้งให้ผู้โฆษณาปัจจุบันทราบรายละเอียดก่อนที่การเปลี่ยนแปลงจะมีผลบังคับใช้

หน้าที่ใคร?

ในมุมของ Zuckerberg เจ้าพ่อ Facebook ยืนยันว่ามีเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจคนละทางกับ Twitter โดยบอกว่าที่ต้องอนุญาตให้โฆษณาทางการเมืองที่มีข้อมูลเท็จแสดงผลบน Facebook เพราะไม่คิดว่าเป็นเรื่องเหมาะสมสำหรับบริษัทเอกชนที่จะเซ็นเซอร์นักการเมืองและข่าวสาร

แต่ประเด็นนี้ Twitter มองว่าปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการทำให้โฆษณาทางการเมืองไม่สามารถให้บริการได้จนกว่าจะมีทางออกที่ดีกว่าเพื่อให้ทุกอย่างอยู่ในความดูแลอยู่เสมอ โดยที่ชาวออนไลน์จะยังสามารถโพสต์สิ่งที่ต้องการบน Twitter ได้ต่อไป แต่พวกเขาไม่สามารถจ่ายเงินให้ Twitter เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและขยายข้อความทางการเมืองที่อาจทำให้เข้าใจผิดได้

CEO ของ Twitter ยอมรับว่าปัญหานี้จะส่งผลต่อการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตทั้งหมดไม่ใช่แค่โฆษณาทางการเมือง โดย Dorsey ทวีตว่าทางที่ดีที่สุดที่ Twitter จะทำได้คือการมุ่งเน้นที่รากฐานของปัญหา โดยไม่ต้องรับภาระและความซับซ้อนในการรับเงินค่าโฆษณา ซึ่งความพยายามแก้ไขปัญหาทั้ง 2 ทางจะช่วยแก้ไขภาพเสียและบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของ Twitter ได้ด้วย

โฆษณาทางการเมืองนั้นได้รับการยืนยันว่ามีสัดส่วนน้อยมาก ทำให้ผลกระทบทางธุรกิจโดยรวมของโฆษณากลุ่มนี้อยู่ในระดับน้อยทั้ง Facebook และ Twitter โดยประธานฝ่ายการเงิน Twitter ทวีตว่าการโฆษณาทางการเมืองสร้างรายได้เพียง 3 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงการเลือกตั้งกลางปี 2018

แม้จะถูกเหน็บแนมขนาดไหน Zuckerberg ยังคงยึดมั่นในแนวทางเดิมว่าไม่ใช่หน้าที่ของ Facebook ในการคุมกำเนิดโฆษณาทางการเมือง โดยมองว่าการประกาศของ Dorsey เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม แต่ในที่สุดแล้ว Facebook จะยังติดตามผลดีผลเสียอย่างต่อเนื่องว่าจะอนุญาตให้มีการลงโฆษณาทางการเมืองหรือไม่ในอนาคต.