กลยุทธ์ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง ปรับรับวิกฤตขาดเเคลนเเรงงานครั้งล่าสุด เมื่อ “เเฟมิลี่มาร์ท” ธุรกิจร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ในญี่ปุ่น ประกาศยอมให้เจ้าของร้านแฟรนไชส์ทั่วประเทศสามารถลดชั่วโมงการเปิดให้บริการได้ตั้งเเต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป เพื่อรับมือกับปัญหาขาดเเคลนพนักงานดูเเลร้านในช่วงกลางคืน ตามรอยคู่แข่งเบอร์หนึ่งอย่าง “เซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่น“
นโยบายใหม่นี้จะครอบคลุมร้านค้าเกือบ 16,000 สาขาของเเฟมิลี่มาร์ท (FamilyMart Co.) โดยอนุญาตให้เจ้าของร้านสามารถเลือกช่วงเวลาที่จะปิดร้านได้ตั้งเเต่ช่วงเวลา 23.00 -7.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งต้องมีการเเจ้งความประสงค์ล่วงหน้าต่อสำนักงานใหญ่ก่อน
การจะหยุดเปิดบริการ 24 ชั่วโมงนั้นขึ้นอยู่กับเจ้าของเเฟรนไชส์เเต่ละเเห่งว่าจะมีการตัดสินใจอย่างไร โดยทางร้านจะเลือกว่าจะปิดทุกคืนหรือจะปิดเเค่คืนวันอาทิตย์ก็ได้
Takashi Sawada ประธานบริษัท เเฟมิลี่มาร์ท กล่าว
ขณะเดียวกัน ทางแฟมิลี่มาร์ทก็มีจะนโยบายเพิ่มเงินจูงใจรายเดือนจากเดิม 100,000 เยนเป็น 120,000 เยน ให้แก่ร้านที่ยังคงเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ประธานเเฟมิลี่มาร์ท ระบุอีกว่า “เราต้องการสนับสนุนเจ้าของร้านให้มากที่สุด ด้วยเพราะมีบางร้านที่กำลังเผชิญปัญหาขาดเเคลนเเรงงาน ค่าเเรงที่เพิ่มขึ้นเเละกำไรที่ลดลง”
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังไม่รู้ว่าจะมีร้านค้ากี่แห่งที่จะเข้าร่วมกับนโยบายใหม่นี้ โดยรายละเอียดอื่นๆ จะมีการเปิดเผยเพิ่มเติมในเดือนมีนาคมปีหน้า
ทั้งนี้ มีการเริ่มทดลองลดชั่วโมงการให้บริการกับร้านแฟรนไชส์ของเเฟมิลี่มาร์ทกว่า 600 สาขาในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริษัทตัดสินใจขยายนโยบายให้ครอบคลุมทุกสาขาในประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะรู้ผลอย่างเเน่ชัดของการทดลอง ซึ่งจากการสำรวจของทางบริษัทมีร้านค้าที่สนใจจะลดชั่วโมงปฏิบัติงานประมาณ 7,000 สาขา ซึ่งเป็นจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของสาขาทั้งหมดทั่วญี่ปุ่น
การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของเเฟมิลี่มาร์ทครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังคู่เเข่งธุรกิจร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่อย่าง “เซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่น“ (Seven-Eleven Japan Co.) เปิดทางให้ร้านสะดวกซื้อในเครือบางสาขาสามารถยกเลิกให้บริการเเบบ 24 ชั่วโมง เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่รายแรกที่ประกาศลดเวลาปฏิบัติงาน เป็นความพยายามที่จะรับมือกับภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก
เซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่น ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน จะมีอยู่ 8 สาขาที่ลดเวลาให้บริการ เนื่องจากหาพนักงานที่จะมาเข้าทำงานช่วงกลางคืนได้ยาก และต่อไปอาจจะลดเวลาให้บริการอีกราว 200 สาขา จากสาขาทั่วประเทศทั้งหมด 21,000 สาขา โดยปัจจุบันในสาขาเหล่านั้นก็กำลังทดลองเวลาปิดให้บริการเร็วขึ้น
สำหรับ เซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่นเป็นผู้ให้บริการร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงมาตั้งเเต่ปี 2518 ด้วยเเนวความคิดที่ว่าการเปิด 24 ชั่วโมงจะช่วยอำนวยความสะดวกเเละเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการเพิ่มจำนวนสินค้าในช่วงกลางดึกด้วย เเต่เนื่องจากปัญหาขาดเเคลนเเรงงานซึ่งทวีความรุนเเรงขึ้น จนเกิดประเด็นขึ้นมาเมื่อ เจ้าของร้านแฟรนไชส์ในเมืองโอซาก้า ออกมาบอกว่าเขาจำเป็นต้องลดเวลาเปิดร้านลงมา โดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากสำนักงานใหญ่ เนื่องจากทางร้านหาพนักงานมาทำงานด้วยไม่ได้จริงๆ
ด้าน “ลอว์สัน“ (Lawson Inc.) หนึ่งในผู้ให้บริการร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ที่ไม่ได้กำหนดในสัญญากับร้านเจ้าของแฟรนไชส์ว่าต้องเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ได้มีการยกเลิกให้บริการในช่วงกลางคืนไปเเล้วราว 100 สาขา เเละเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดเเคลนเเรงงาน ลอว์สันก็ตัดสินใจที่จะให้ร้านสาขา 100 แห่งทดลองปิดให้บริการช่วงวันหยุดปีใหม่นี้ เพื่อให้พนักงานได้พักในวันหยุดประจำชาติ
รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดระบบวีซ่าแบบใหม่ รับแรงงานต่างชาติเพิ่ม
ภาวะขาดแคลนแรงงาน ได้กลายมาเป็นภัยคุกคามใหญ่ต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ในญี่ปุ่น ทั้งร้านค้า ธุรกิจก่อสร้าง รวมไปถึงศูนย์ดูเเลผู้ป่วย เนื่องจากญี่ปุ่นกำลังมีประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะเป็นกลุ่มประชากรหลักของประเทศ
มีการประเมินว่า ภายในปี 2583 ญี่ปุ่นจะมีประชากรวัยทำงานลดลง 20% จากระดับปี 2560 อันเป็นผลจากจำนวนประชากรโดยรวมลดลงต่อเนื่อง โดยอาจจะจำกัดความรุนแรงของเรื่องนี้ได้ ด้วยการส่งเสริมให้ผู้หญิง และผู้สูงอายุให้เข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้เริ่มระบบวีซ่าใหม่ เพื่อดึงแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศมากขึ้น เป็นความพยายามที่จะช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่มีแรงงานไม่เพียงพอกับความต้องการ
โดยชาวต่างชาติที่มีทักษะภาษาญี่ปุ่นและทักษะการทำงานในระดับหนึ่งสามารถยื่นขอสถานะผู้อยู่อาศัยที่เรียกว่า แรงงานทักษะเฉพาะทางประเภท 1 ซึ่งสามารถทำงานได้ใน 14 ภาคอุตสาหกรรม เช่น การก่อสร้าง การเกษตร และการพยาบาล เป็นระยะเวลา 5 ปี แต่ห้ามพาครอบครัวเข้ามาอาศัยด้วยกัน
ขณะที่แรงงานที่มีทักษะสูงใน 2 ภาคอุตสาหกรรม อย่างการก่อสร้างและการต่อเรือ สามารถขยายระยะเวลาการอยู่อาศัยในญี่ปุ่นได้ด้วยการทำวีซ่าแรงงานทักษะเฉพาะทางประเภท 2 ซึ่งอนุญาตให้ผู้ถือสามารถพาสมาชิกครอบครัวมาอยู่ และสามารถต่ออายุวีซ่าได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง
รัฐบาลญี่ปุ่นคาดว่า จะมีชาวต่างชาติทั้งสิ้น 345,150 คนที่สามารถรับวีซ่าประเภท 1 ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าแรงงานส่วนใหญ่ประมาณ 60,000 คนจะทำงานในภาคธุรกิจการดูแลสุขภาพ.