ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่! Audi จ่อลดพนักงาน 9,500 คน หลังอุตฯ ยานยนต์ตกต่ำ

หลังบริษัทรถยนต์ค่ายใหญ่ทั้งหลายทยอยปลดพนักงานกันถ้วนหน้า ล่าสุด “Audi” ค่ายรถยนต์หรูสัญชาติเยอรมัน ภายใต้ชายคาของ Volkswagen ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ลดตำเเหน่งพนักงานถึง 9,500 คน ภายในปี 2025 ซึ่งคิดเป็นกว่า 10% พนักงานทั่วโลก โดยจะทำให้ประหยัดงบไปถึง 6 พันล้านยูโร ( เกือบ2เเสนล้านบาท) เพื่อนำไปพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเเละโครงการแห่งอนาคตเป็นหลัก

Audi ระบุว่า เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปจึงต้องมีการปรับลดพนักงานในส่วนที่ไม่จำเป็น โดยจะเพิ่มการจ้างงานในส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 2,000 อัตรา เพื่อทำให้องค์กรคล่องตัวขึ้น ตามเป้าหมาย “become lean and fit for the future” อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันว่าการลดจำนวนพนักงานครั้งนี้จะไม่มีการปลดออกกะทันหัน แต่จะเกิดขึ้นตามการหมุนเวียนของพนักงาน โดยจะมีทั้งการลาออกและการเกษียณก่อนกำหนด

เมื่อประหยัดงบได้กว่า 6 พันล้านยูโรเเล้ว การลงทุนในโครงการแห่งอนาคตที่จะให้ความสำคัญในอีก 10 ปีต่อจากนี้ก็คือ เทคโนโลยีดิจิทัลและรถยนต์ไฟฟ้า โดยปัจจุบัน Audi มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น e-Tron ซึ่งใช้พนักงานในการประกอบน้อยกว่ารถยนต์พลังงานปกติที่มีหลายชิ้นส่วนมากกว่า

นอกจากนี้ยังจะไปลงทุนกับการปรับปรุงโรงงานที่เมือง Neckarsulm และ Ingolstadt ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่เพื่อผลิตรถยนต์รวมกัน 675,000 คันต่อปี

Volkswagen ยังเป็นเจ้าของแบรนด์รถยนต์หรูชื่อดัง เช่น Porsche, Bugatti, Skoda และ Lamborghini โดยได้ลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนารถแบบไฮบริดที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ เเละมีแผนจะเปิดตัวโมเดลใหม่ 70 แบบภายในปี 2028

ค่ายรถยนต์ทั่วโลกต่างพยายามปรับตัวเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังชะลอตัว รวมไปถึงในจีนเเละยุโรป ซึ่งมีการกดดันจากนโยบายควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงต้องมีการปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะถูกนำมาใช้เเทนรถยนต์เเบบเดิมที่ใช้น้ำมันเบนซินเเละดีเซล

เเต่การเปลี่ยนเเปลงนี้ ต้องใช้ทุนจำนวนมหาศาล ค่ายรถยนต์จำเป็นต้องหาพันธมิตร โดยเมื่อเดือนที่แล้ว Fiat Chrysler ได้ประกาศควบรวมกิจการกับ Groupe PSA ซึ่งมีรถเเบรนด์ดังอย่าง Peugeot อีกทั้ง BMW และ Daimler ก็ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับ รวมไปถึง Honda และ General Motors (GM) ก็ร่วมมือพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเช่นเดียวกัน

การเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางยอดขายรถยนต์ตกต่ำ เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังชะลอตัวลงเเละมีเเนวโน้มจะเลวร้ายลงอีก โดย Fitch Ratings ประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะลดลงราว 3.1 ล้านคันในปีนี้ ซึ่งนับเป็นระดับที่ต่ำกว่าปี 2008 ที่ตอนนั้นโลกเผชิญกับวิกฤตทางการเงิน

 

ที่มา : CNN , theguardian