ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีลดลงต่ำกว่าที่คาด หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ เบร็กซิต เเละการถูกดิสรัปชันในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วยุโรป
โดยสำนักสถิติของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของเดือน ต.ค. ลดลง 1.7% จากเดิมที่เคยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ขณะเดียวกัน ดัชนีผลผลิตสินค้าประเภททุนลดลง 4.4% ซึ่งเป็นการลดลงที่มากที่สุดในรอบ 5 ปี
สำหรับ “เยอรมนี” เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป กำลังเผชิญกับความผันผวนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาเเละจีน รวมถึงความไม่แน่นอนจากการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิต)
เเละขาลงของอุตสาหกรรมยานยนต์
Jens-Oliver Niklasch นักเศรษฐศาสตร์จาก Landesbank Baden-Wuerttemberg กล่าวว่า “ตอนนี้ความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของ GDP ในไตรมาสสุดท้ายเริ่มกลับมาอีกเเล้ว”
โดยเศรษฐกิจของเยอรมนีเติบโตติดต่อกัน 10 ปี จากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากภาคการส่งออกของประเทศ ส่งผลให้ตัวเลขการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ติดลบ 0.2% ในไตรมาส 2/2019 ขณะที่จีดีพีของเยอรมนีในไตรมาส 3/2019 เติบโต 0.1% ทำให้เยอรมนีรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในทางเทคนิคไปได้อย่างหวุดหวิด
Carsten Brzeski นักเศรษฐศาสตร์จาก ING ให้ความเห็นว่า ปัญหาจากสงครามการค้า ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก เเละการถูกดิสรัปชั่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเข้าสู่ภาวะติดล็อก ยากที่จะหาทางออกได้
ด้านสมาคมยานยนต์ VDA คาดว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะลดลง 5% ในปีนี้และวิกฤตดังกล่าวจะทำให้เหล่าบริษัทในเยอรมนีต้องปรับลดพนักงานอีกในปี 2020
ที่ผ่านมา มีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดนโยบายที่จะไม่ก่อหนี้ใหม่ เเละไม่ควรกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ
ด้านกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี ระบุในแถลงการณ์ว่า “ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมยังคงเกิดขึ้นต่อไป” อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยอดสั่งซื้อล่าสุด และการคาดการณ์ทางธุรกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจ
เยอรมนีมีแนวโน้มที่จะมีเสถียรภาพในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ที่มา : Reuters
ภาพ : AFP