หลายธุรกิจต้องเหนื่อยกันตลอดปีนี้ เเต่ไม่ใช่กับ Amway (แอมเวย์) ขายตรงยักษ์ใหญ่ในไทยที่เพิ่งประกาศยอดขายทะลุ 2 หมื่นล้านบาทได้เป็นครั้งเเรก โตขึ้นประมาณ 6-7% จากปีที่เเล้ว เเละในปี 2020 ที่จะถึงนี้จะมีเป็นการเปลี่ยนเเปลงครั้งใหญ่ ทั้งยกเครื่ององค์กรสู่ดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์มของตัวเอง ดึงคนรุุ่นใหม่ เปลี่ยนกลยุทธ์ขายตรงให้เข้าถึงตลาดโซเชียล
อย่างไรก็ตามภาพรวมธุรกิจขายตรงยังนิ่ง มองปีหน้า “บริษัทใหญ่ยังอยู่ได้ แต่บริษัทเล็กจะหายไป”
พลิกขายตรงสู่ Digital Selling
ถ้าไม่เปลี่ยนก็ตามไม่ทัน หลายบริษัทต้องปรับตัวให้ทันพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปทั้งการซื้อของออนไลน์ ใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกเเละอื่นๆ อีกมากมาย เป็นความท้าทายอย่างยิ่งกับธุรกิจขายตรงเเบบเดิม
กิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Amway เริ่มปรับนโยบายองค์กรให้รับกระเเส Digital Transformation มากขึ้น ซึ่งเป็นนโยบายระดับโลก เเละสำหรับประเทศไทยก็ได้นำมาปรับให้เข้ากับตลาดท้องถิ่นมากที่สุด เเม้จะเป็นเรื่องยากจากสภาพเศรษฐกิจในปีนี้ เเต่ด้วยการที่ได้ปรับตัวมาก่อน ทำให้ Amway ตอบโจทย์ตลาดได้ดีกว่าเดิม
“เราจะไม่เป็นขายตรงแบบ Door to Door อีกต่อไป เพราะเรากลายเป็น Digital Selling ที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต”
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในการพัฒนาวิจัยนวัตกรรมใหม่ “สมัยก่อนเราวางวิสัยทัศน์องค์กรยาว 10 ปี ได้ เเต่ตอนนี้ต้องใช้การวางเเผนปีต่อปี”
ปรับองค์กรรับคนรุ่นใหม่
“สมัยก่อนคนมาทำธุรกิจขายตรงเพื่อหารายได้เสริม แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่มาทำเป็นรายได้หลัก เป็นการเปลี่ยนแปลงตาม การทำงานแบบ Gig Economy เป็นเจ้านายตัวเอง ไม่ทำงานประจำตามออฟฟิศ”
หนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ Amway ประเทศไทยนำมาดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้มาร่วมธุรกิจกับองค์กรคือ “คอร์พลัส” (Core Plus+) การปรับโครงสร้างรายได้ที่ทำให้ได้ผลตอบเเทนรวดเร็วเเละต่อเนื่อง โดยโปรแกรมนี้จะทำให้นักธุรกิจ Amway ที่ทำธุรกิจอย่างต่อเนื่องและจริงจังมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20 – 30% เมื่อเทียบกับแผนรายได้แบบเดิม และหลังจากที่เริ่มใช้โปรแกรมคอร์พลัสเพียง 2 เดือน (กันยายนถึงตุลาคม) มียอดการสมัครเป็นนักธุรกิจแอมเวย์และสมาชิกใหม่เติบโตเฉลี่ย 30%
“ปัจจุบัน Amway มีนักธุรกิจอยู่ 330,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึง 1 ใน 3 และมีผู้ที่ทำยอดถึงระดับเพชรเป็นกลุ่มอายุต่ำกว่า 35 ปีเกินครึ่ง ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความดิจิทัลให้มากกว่าเดิม แต่อย่างไรก็จะไม่ทิ่งคนเก่าหรือผู้สูงวัย เราก็จะมีการโครงการสอนเทคโนโลยีให้ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ” ผู้บริหาร Amway กล่าว
ลุย Personalized Product เจาะสินค้าเพื่อสุขภาพ
ขณะเดียวกัน ปีหน้า Amway เตรียมทำตลาด “สินค้าเพื่อสุขภาพ” มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเอาใจผู้บริโภคยุคใหม่ โดยจะมีการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียเเละการร่วมมือกับ Micro Influencer ให้เข้าถึงคนในโลกออนไลน์
รัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จะมีการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุลคล (Personalized Product) มากขึ้น โดยยึดจากหลัก Consumer Centric ความต้องการจากลูกค้าเป็นหลักพร้อมกับพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ล่าสุดเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ใหม่ของ Nutrilite คือ “ป๊อก-ภัสสรกรณ์ และมาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์” ชาแนลชื่อดังใน Youtube ชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ มาแนะนำทำความรู้จัก Amway ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับจากคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี
ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครื่องกรองอากาศ Atmosphere Sky ที่ได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลายส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ขาดตลาดทันทีที่เริ่มวางจำหน่าย และด้านผลิตภัณฑ์ความงามอย่าง Artistry Signature Select Mask มาสค์ดูแลผิว 5 สูตรที่ผู้บริโภคสามารถออกแบบทรีตเมนต์สูตรเฉพาะของตนเองได้
TOP 3 กลุ่มสินค้าขายดี
สำหรับสัดส่วนยอดขายสูงสุดของปี 2019 อันดับ 1 ได้เเก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Nutrilite ตามมาด้วยกลุ่มเครื่องสำอาง Artistry เเละอันดับ 3 เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มบ้านและเทคโนโลยี (Home Living) เช่น เครื่องกรอกอากาศ ที่ขายดีอย่างมากในช่วงที่มีวิกฤตมลพิษทางอากาศ PM 2.5
เดินหน้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลเต็มตัว
การวางกลยุทธ์ธุรกิจของ Amway ประเทศไทยในปีหน้า จะเน้นการปรับภาพลักษณ์ให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ควบคู่ไปกับการพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ โดยเรื่องดิจิทัลจะเป็นการนำแนวทางของ Amway ประเทศต่างๆ มาประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมาก
“ตอนนี้ 70-80% ยังใช้การตลาดแบบออฟไลน์ เราจึงจะผลักดันให้ใช้ดิจิทัลมากขึ้น” อย่างไรก็ตาม แม้จะทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล แต่ Amway ก็จะยังใช้การตลาดแบบ “MLM” (Multi -Level Marketing) เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิกและลูกค้า เเต่จะปรับเปลี่ยนวิธีให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เเละสนับสนุนให้ใช้เครื่องมือทางโซเชียลมีเดียต่างๆ มากขึ้น
“เรากำลังสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเองให้ใช้งานง่าย สั่งของง่าย มีระบบโลจิสติกส์ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าแพลตฟอร์มนี้เป็นอย่างไร อาจจะมีการนำแพลตฟอร์มจากจีนมาใช้” เอ็มดี Amway ประเทศไทยกล่าว
ภาพรวมตลาดขายตรงยังนิ่ง รายเล็กไม่รอด
กิจธวัช เปิดเผยถึงภาพรวมอุตสาหกรรมขายตรงว่า มีมูลค่าราว 69,000 ล้านบาท และยังคงนิ่งอยู่แบบนี้มาได้ 4-5 ปีแล้ว แต่ด้วยการปรับกลยุทธ์จึงทำให้ Amway เติบโตสวนตลาด โดยปี 2562 คาดว่าจะเติบโต 6-7% มียอดขายเกิน 20,000 ล้านบาท ส่วนปี 2563 จะเติบโต 5% เป็นอย่างน้อย
“บริษัทใหญ่ยังอยู่ได้ แต่บริษัทเล็กจะหายไป” เขาพูดถึงการแข่งขันในธุรกิจขายตรงที่ดุเดือดในปัจจุบัน
ในขณะที่ตลาดมีความเติบโตน้อยจากปัจจัยเศรษฐกิจ หากไม่มีการปรับตัวก็จะประสบปัญหา จึงต้องพยายามสร้างความแตกต่างและหาช่องทางขายเพิ่มขึ้น โดยคาดว่า ในปี 2020 อุตสาหกรรมขายตรงในประเทศไทย จะไม่เติบโตหรือโตแค่ 1-2 % เท่านั้น