“กลุ่มหมอเสริฐ” เข้าวิน! ชนะ CP ขาดลอย คว้าโครงการอู่ตะเภา เสนอรัฐกว่า 3 แสนล้านบาท

“กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส” นำโดย นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เข้าวินโครงการพัฒนาเมืองการบินอู่ตะเภา เสนอผลตอบแทนให้รัฐกว่า 3 แสนล้านบาท ขณะที่เมื่อคณะกรรมการคัดเลือกเปิดซอง “กลุ่มธนโฮลดิ้ง” ที่นำโดยเครือซีพี ให้ผลตอบแทนราว 1 แสนกว่าล้านบาทเท่านั้น

“ผลการเปิดซองข้อเสนอที่ 3 ข้อเสนอด้านราคาในวันนี้ พบว่าเอกชนที่เสนอราคาสูงสุดยังคงเป็นกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ซึ่งมีการเสนอราคาให้ผลตอบแทนรัฐ 3.01 แสนล้านบาท ขณะที่กลุ่มกิจการค้าร่วมบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หรือ กลุ่มซีพี ที่มีการเปิดซองข้อเสนอในครั้งนี้ เสนอให้ผลตอบแทนรัฐประมาณ 1 แสนกว่าล้านบาท ส่วนข้อเสนอของกลุ่ม Grand Consortium ก็ยื่นข้อเสนออยู่ที่ราว 1 แสนล้านบาท ทำให้กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส เป็นผู้เสนอราคาสูงสุด และจะเข้าสู่การเจรจาก่อนที่จะมีการลงนามสัญญา”

ทั้งนี้ กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส (BBS Joint Venture) ประกอบไปด้วย

  • บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ของนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 45%
  • บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ของนายคีรี กาญจนพาสน์ ถือหุ้น 35%
  • บมจ.ซิโน-ไทย STEC ของตระกูลชาญวีรกูล ถือหุ้น 20%

ขณะที่ กลุ่มกิจการค้าร่วมบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร ประกอบไปด้วย

  • บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด
  • บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท บี.กริม จอยน์ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด
  • Orient Success International Limited

ด้าน พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือและประธานคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เปิดเผยว่า กระบวนการต่อไป จะดำเนินการตรวจสอบข้อเสนอซองที่ 3 (ข้อเสนอราคา) ของผู้ยื่นเสนอทั้ง 3 ราย หากถูกต้องตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของเอกสารการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน คณะกรรมการคัดเลือกฯจะทำการพิจารณาตรวจสอบรายละเอียดของข้อเสนอด้านราคา เช่น สมมติฐานและการประมาณการณ์ทางการเงิน เพื่อให้ได้ผู้ยื่นข้อเสนอที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดแก่ภาครัฐ นำไปสู่การจัดทำร่างสัญญา และรายละเอียดทางเทคนิคเพื่อประกอบสัญญาต่อไป โดยคาดว่าจะประกาศผลการคัดเลือกได้ภายในเดือนมีนาคม 2563

สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมแก่ประเทศไทยในอนาคต

Source