ไวรัสโคโรนาแผลงฤทธิ์ทุบหุ้นจีนร่วงเกือบ 400,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ปักกิ่งกล่าวหาอเมริกาปลุกเร้าให้เกิดความหวาดกลัวแทนที่จะเสนอความช่วยเหลือ สำหรับยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็น 361 คน แซงสถิติเดิมของซาร์ส และยังเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในวันเดียว
นักลงทุนที่หวั่นวิตกผลกระทบจากไวรัสอู่ฮั่นที่จะเกิดกับเศรษฐกิจแดนมังกรพากันเทขายหุ้นในจีนรวมมูลค่าเกือบ 400,000 ล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการเปิดซื้อขายหลังหยุดยาวช่วงตรุษจีน โดยดัชนีคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้ร่วงลง 8% ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 1 ปี ก่อนปิดตลาดโดยกระเตื้องขึ้นมาบ้าง กล่าวคือ ติดลบจากวันก่อน 7.7%
แม้ตลาดหุ้นเปิดทำการแล้ว แต่มณฑลจำนวนมากของจีนได้ตัดสินใจขยายวันหยุดเพื่อควบคุมการแพร่เชื้อของไวรัส ซึ่งล่าสุด คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนแถลงในวันจันทร์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจนถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ อยู่ที่ 361 คน เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 57 คน ซึ่งนอกจากเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในวันเดียวแล้ว ตัวเลขรวมยังสูงกว่ายอดผู้เสียชีวิตจากโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 349 คนในจีนในปี 2002-2003
ส่วนผู้ติดเชื้อในจีนเพิ่มขึ้น 2,829 คน เป็น 17,205 คน นอกจากนั้นยังพบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 171 คนในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก อาทิ อเมริกา ญี่ปุ่น ไทย ฮ่องกง และอังกฤษ
นอกจากนั้นระหว่างแถลงข่าว โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยังระบุว่า จีนต้องการหน้ากากสำหรับแพทย์ ชุดป้องกัน และแว่นตานิรภัยเป็นการด่วน เนื่องจากโรงงานภายในประเทศสามารถผลิตหน้ากากได้ราว 20 ล้านชิ้นต่อวันเท่านั้น และรัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อนำเข้าหน้ากากเพิ่มจากยุโรป ญี่ปุ่น และอเมริกา
ขณะเดียวกันก็เสริมว่า หลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น คาซัคสถาน และฮังการี ได้บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้จีนก่อนหน้านี้
