เทรนด์รักษ์โลกเเละการลดใช้พลาสติกที่กำลังเเพร่หลายในขณะนี้ ทำให้บรรดาผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ หรือ “เเพ็กเกจจิ้ง” ต้องปรับตัวขนานใหญ่ เพื่อตอบสนองให้ทันความต้องการของผู้บริโภคที่ “ยอมจ่ายเพิ่ม” เพื่อให้ได้ใช้ของที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อม
หากมองภาพรวมธุรกิจบรรจุภัณฑ์ทุกประเภทในภูมิภาคอาเซียน จะเห็นว่ามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวมกว่า 51,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 ซึ่งคาดว่าในช่วง 6 ปี (ปี 2561-2567) จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 6.1% หรือมีมูลค่าตลาดบรรจุภัณฑ์รวมอยู่ที่ 72,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567
SCG Packaging (SCGP) ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน ก็กำลังเตรียมเปิดระดมทุนในตลาดหุ้นภายในปีนี้ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) มองว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอาเซียนกำลังเติบโตอย่างมากเฉลี่ย 26% ต่อปี และกลายเป็นเมกะเทรนด์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ รวมถึงธุรกิจเดลิเวอรี่ จากปัจจัยหนุนการเพิ่มขึ้นของประชากรวัยหนุ่มสาวที่มีรายได้ระดับปานกลางในไทย เวียดนาม อินโดนีเชีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดหลัก จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างเเพ็กเกจจิ้งที่มีความเเตกต่างเเละเป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อม ด้วยโมเดล “Packaging Solutions” ใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน นำทรัพยากรธรรมชาติกลับมาใช้ใหม่ให้มากที่สุด เป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้กว่า 95%
“ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ปกป้องสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำหรับส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของผลิตภัณฑ์ ทำให้สินค้ามีความน่าสนใจ ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับแบรนด์อีกด้วย”
ทั้งนี้ SCGP มีบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดกว่า 120,000 รายการ มีลูกค้าราว 4,000 ราย ผลิตตั้งแต่กล่องกระดาษลูกฟูก กล่องพิมพ์เพื่อแสดงสินค้า ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว บรรจุภัณฑ์แบบคงรูป
เเละตอนนี้ “กระดาษบรรจุภัณฑ์” (Packaging Paper) เเละ “ถุงกระดาษรีไซเคิล” สําหรับสินค้าอุปโภคบริโภค และถุงอุตสาหกรรม กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก จากพฤติกรรมบริโภคที่มีความต้องการที่หลากหลายและเติบโตเร็ว เช่น ธุรกิจกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่หมุนเวียนอย่างรวดเร็ว (Fast-Moving Consumer Goods หรือ “FMCG”) ธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ส่วนการรณรงค์ลดใช้พลาสติกนั้น ผู้บริหาร SCGP บอกว่าทำให้มีการใช้บรรจุภัณฑ์เเบบ single-use “ใช้ครั้งเดียวทิ้ง” ลดลงเเละมีความต้องการบรรจุภัณฑ์เเปรรูปมากขึ้น อีกมุมที่น่าสนใจคือเมื่อคนทั่วไปไม่ได้นำถุงพลาสติกมาใช้ซ้ำเพื่อใส่ขยะในครัวเรือนเเล้ว ก็เป็นโอกาสธุรกิจของผู้ผลิต “ถุงใส่ขยะ” ที่จะทำออกมาขายมากขึ้นเช่นกัน
สำหรับ SCGP มีกำลังการผลิตแพ็กเกจจิ้งรวม 4 ล้านตัน กระดาษลูกฟูก 1.1 ล้านตันทำบรรจุภัณฑ์ให้หลายอุตสาหกรรม อย่างในซัพพลายเชนของธุรกิจที่มีการเติบโตสูง เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจค้าปลีก เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ เป็นต้น
“แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตน้อยลง แต่คนก็ยังต้องซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเหมือนเดิม”
ผู้บริหาร SCGP ยกตัวอย่างกลยุทธ์การนำ “Pain Point” ของผู้บริโภคมาต่อยอดการดีไซน์บรรจุภัณฑ์ของ “นมข้นหวานหลอดบีบ” ที่คนยอมจ่ายเเพงกว่าในปริมาณที่น้อยกว่าเเบบเดิมที่เป็น “กระป๋อง” เพราะต้องการความสะดวกสบาย ใช้ง่ายกินง่าย
โดย SCG Packaging ยังใช้กลยุทธ์ “ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางเเละมองไกลกว่ากล่องกระดาษ” โดยมีทีมวิจัยความต้องการของตลาด หาสาเหตุของปัญหาเเละพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
บรรจุภัณฑ์ยุคใหม่ ทำหน้าที่ 4P
- Protect เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของบรรจุภัณฑ์ที่ต้องป้องกันสิ่งของที่อยู่ภายใน ไม่ให้ชำรุดหรือเสียหาย
- Promote บรรจุภัณฑ์ต้องทำหน้าที่โฆษณาตัวเองได้ด้วย ต้องดึงดูดเเละสะดุดตาผู้ใช้เมื่ออยู่บนชั้นวาง
- Preserve รักษาอาหารที่อยู่ข้างในให้คงสภาพได้นานที่สุด เช่นมีการนำ Polymer มาเป็นวัสดุหลักทำให้เก็บรักษาได้ 45 – 60 วัน
- Perform มีความทันสมัยเป็น Smart Packaging ตรวจสอบข้อมูลสินค้าได้ผ่านคิวอาร์โค้ด เป็นต้น
“เเม้ว่ากระบวนการ Packaging Solutions จะมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า เเต่ลูกค้าก็ยอมลงทุนเพราะมองความยั่งยืนในธุรกิจระยะยาว” วิชาญระบุ
ทุ่ม 7.6 พันล้านขยายลงทุนอาเซียน
ล่าสุด SCGP เปิดเผยผลประกอบการปี 2562 ว่ามีรายได้จากการขาย 89,070 ล้านบาท และมีกำไร 5,268 ล้านบาท (ปี 2561 ยอดรายได้อยู่ที่ 87,255 ล้านบาท) สัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่ 57% มาจากภายในประเทศ และอีก 43% มาจากประเทศในภูมิภาคอาเซียน เเบ่งเป็น เวียดนาม 12% อินโดนีเซีย 10% ฟิลิปปินส์ 4% มาเลเซีย 2% และประเทศอื่นๆ 15%
“เเผนหลักของ SCGP ในปี 2563 คือต้องการเพิ่มการลงทุนไปยังอาเซียนมากขึ้น ด้วยงบลงทุนกว่า 7,600 ล้านบาท เพราะเห็นโอกาสการเติบโตสูง เช่นที่เวียดนาม บรรจุภัณฑ์เเบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) กำลังได้รับความนิยมมาก”
ปี 2562 ที่ผ่านมาควบรวมกิจการและร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในภูมิภาค ด้วยเงินลงทุนกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน SCG Packaging มีโรงงานกว่า 40 แห่งใน 5 ประเทศอาเซียน เเละปีนี้จะมีการลงทุน ดังนี้
- เวียดนาม มูลค่าการลงทุน 600 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์อ่อนตัว
- ฟิลิปปินส์ มูลค่าการลงทุน 5,200 ล้านบาท ในด้านการเพิ่มเทคโนโลยีเครื่องจักร ตอนนี้กำลังการผลิตรวมกว่า 2.2 แสนตันต่อปี
- อินโดนีเซีย มูลค่าการลงทุน 1,800 ล้านบาทในด้านการเพิ่มเทคโนโลยีเครื่องจักร ตอนนี้มีกำลังการผลิตรวม 4 แสนตันต่อปี
“ปัจจัยเสี่ยงปี 2563 เช่น ไวรัสโคโรนา (COVID-19) มองว่าเป็นความเสี่ยงระยะสั้น ส่วนภัยเเล้งที่อาจส่งผลต่อการผลิตกระดาษนั้นเห็นว่าบริษัทคงไม่ได้รับผลกระทบมากนักเพราะเป็นกระบวนการที่ใช้น้ำน้อย เช่นเดียวกับการแข็งค่าของเงินบาทที่บริษัทยังสามารถบริหารจัดการได้”