HSBC สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เตรียมแผนปรับลดพนักงานทั่วโลก 35,000 อัตรา มากกว่าที่คาดหมายไว้ และเปิดเผยผลกำไรรายปีดำดิ่ง พร้อมกับเตือนเกี่ยวกับผลกระทบต่อภาคการเงินจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ธนาคาร HSBC ระบุว่ากำไรก่อหักภาษีลดลงถึง 1 ใน 3 จากหนึ่งปีก่อนหน้านี้ เหลือ 13,300 ล้านดอลลาร์ ในปี 2019 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ระดับ 20,030 ล้านดอลลาร์ โดยกำไรที่ดิ่งลงส่วนใหญ่จาก 73,000 ล้านดอลลาร์ สัมพันธ์กับการลงทุนต่างๆ ของทางธนาคารและธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในยุโรป
อีกทั้งยังเปิดเผยในถ้อยแถลงผลประกอบการ ว่าพวกเขาหวังปรับลดพนักงานทั่วโลกลง 15% เหลือ 200,000 คนในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ความเคลื่อนไหวยกเครื่องอย่างรุนแรงครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่ HSBC พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพ ปรับลดขนาดธุรกิจวาณิชธนกิจและกิจการต่างในสหรัฐฯ และยุโรป
ถ้อยแถลงของ HSBC ระบุว่าทางธนาคารจะปรับลดจำนวนสาขาในสหรัฐฯ ลงถึง 1 ใน 3 ของจำนวนสาขาที่มีในปัจจุบัน 224 สาขา ซึ่งทางเอชเอสบีซีจะบริการเฉพาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น นอกจากนี้ทางธนาคารแห่งนี้ยังเตรียมควบรวมธุรกิจธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยเข้ากับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งอีกด้วย รวมถึงแผนการปรับลดขนาดของธุรกิจนายหน้าและการจัดทำบทวิเคราะห์ในตลาดทุนของยุโรป
ทาง “โนเอล ควิน” รักษาการณ์ซีอีโอของบริษัท กล่าวว่า “จากแผนการปรับโครงสร้างบริษัทดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการปรับลดจำนวนพนักงานทั้งหมดลดลงจาก 235,000 ตำแหน่ง เป็น 200,000 ตำแหน่ง ภายใน 3 ปีหน้า”
HSBC พยายามลดค่าใช้จ่ายมานาน ในขณะที่พวกเขาต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนต่างๆ นานา อันมีต้นตอจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ, การถอนตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ และล่าสุดคือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน
ในขณะที่ธุรกิจในเอเชียทำผลงานได้อย่างดีในช่วงหลายปีที่ผ่าน โดยเฉพาะในจีน ธุรกิจในยุโรปและสหรัฐฯ ของ HSBC กลับมีผลงานที่น่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ควินได้เตือนว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนอาจกระทบต่อแนวโน้มผลประกอบการของธนาคาร
“เรายังคงเฝ้าจับตาการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสเร็วๆ นี้ ซึ่งก่อความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจทั้งในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ และอาจกระทบต่อผลงานของเราในปี 2020”
แผนปฏิรูปโครงสร้างถือเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012 โดยหนนั้น HSBC ตกอยู่ในแก่นกลางของประเด็นอื้อฉาวฟอกเงินในเม็กซิโก
สถาบันการเงินแห่งนี้บอกว่าพวกเขามีเป้าหมายลดต้นทุนให้ได้ 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2022 ด้วยค่าใช้ค่ายในการปรับโครงสร้างจะอยู่ราวๆ 6,000 ล้านดอลลาร์
ปรับลดขนาดธุรกิจส่วนใหญ่จะอยู่ในภาควาณิชธนกิจในยุโรปและสหรัฐฯ ส่วนธุรกิจที่มีกำไรมากกว่าในเอเชียและตะวันออกกลางจะได้รับการส่งเสริม