ภายใน 58 วัน iPad ทำยอดขายแล้ว 2 ล้านเครื่อง สถิตินี้ล้ำหน้ายอดขาย iPhone ที่เคยปฎิวัติวงการสมาร์ทโฟน และ iPod ที่ปฎิวัติอุตสาหกรรมเพลงมาแล้ว เรคคอร์ดใหม่นี้ยิ่งทำให้ “Apple” ยิ่งใหญ่ และ Steve Jobs ยิ่งกลายเป็น “ศาสดา” ของวงการไอที โดยหลังจากยอดขาย iPad ถล่มทลายใกล้ถึง 2 ล้านเครื่องภายในไม่ถึง 2 เดือน Apple Inc ก็กลายเป็นบริษัทด้านไอทีที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap.) ในตลาดหุ้น Nasdaq สูงสุดแซงหน้า Microsoft ของเจ้าพ่อ “Bill Gates” ที่อยู่ในแชมป์นี้มานานกว่า 10 ปี โดย ณ วันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 หลังตลาดหุ้นปิดการซื้อขาย มูลค่าตลาดของ Apple อยู่ที่ 222.12 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน Microsoft อยู่ที่ 219.18 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากปี ค.ศ.1997 ที่ Apple มีมูลค่าตลาดน้อยกว่า 5 เท่า เป็นมูลค่าตลาดที่เติบโตขึ้นของ Apple ถึง 618.87% และไล่ล่าคว้าตำแหน่งมาจาก Microsoft ได้สำเร็จ
ท่ามกลางความสำเร็จของ Apple จนมาถึงโปรดักส์ล่าสุดอย่าง iPad ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง เช่น Techcrunch endgatget.com mashable.com ได้เผยแพร่คำกล่าวของซีอีโอ Steve Jobs ในงานสัมมนา เรื่อง D (8) : All Things Digital” ที่ Rancho Palos Verdes ที่ตอนหนึ่งเขาบอกว่า “It’s sort of surreal. It’s a little surreal”
ส่วนหนึ่งเขาได้กล่าวถึง iPad ว่าจริงๆ แล้วไอเดียเกี่ยวกับ iPad นั้นมาก่อน iPhone เสียด้วยซ้ำ ในการว่าด้วยเรื่องของการเอาคีย์บอร์ดออกไป หรือคือสิ่งที่ Jobs เรียกว่าการแสดงผลแบบมัลติทัชนั้นมาตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 2000 ซึ่งเป็นช่วงที่แอปเปิลกำลังพัฒนาโทรศัพท์มือถือ แต่ต้องตัดสินใจเก็บแท็ปเล็ตไว้บนหิ้ง และเลือกสมาร์ทโฟน เพราะความต้องการมาแรงกว่าแท็ปเล็ต จนมีการเปิดตัว iPhone ในปี ค.ศ. 2007 และเวลาของ iPad ก็มาถึงเมื่อเดือนเมษายน 2010
ความนิยมของ iPhone เคยทำให้เครือข่ายของ AT&T ล่มมาแล้ว และอาการล่มของเครือข่ายมือถือนี้อาจเกิดขึ้นอีกกับอีกหลายบริษัท ที่มีลูกค้าใช้ iPhone และ iPad จำนวนมาก โดย iPad กำลังโชว์ฟอร์มความสามารถในการแทนที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ที่มีมานาน คือสิ่งที่ Jobs บอกว่า “นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังยุค PC”
การวิเคราะห์ของ Jobs ที่มองเห็นภาพว่าแท็ปเล็ตอย่าง iPad จะมาแทน PC คือ “ในช่วงที่เราประเทศเราอยู่ในยุคการแบ่งสรรทำกินบนที่ดิน รถที่จำเป็นทั้งหมดคือรถบรรทุก แต่เมื่อผู้คนเคลื่อนตัวเข้าสู่เมือง คนเริ่มใช้รถยนต์ส่วนตัวก็มาแทนที่ ผมคิดว่าพีซีก็กำลังเหมือนรถบรรทุกที่มีคนไม่มากที่ต้องการมัน และนี่กำลังทำให้บางคนกำลังรู้สึกอึดอัด”
ภาพนี้อาจคำตอบอาจไม่ใช่ iPad เท่านั้น และเขาเอง ก็ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ชัดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อาจแค่ใน 1 ปี 5 หรือ 7 หรือ 10 ปี และแม้จะมีคนแย้งว่า iPad ไม่มีคีย์บอร์ด จึงไม่เจ๋งพอสำหรับกลุ่มที่สร้างคอนเทนต์ แต่ Jobs ก็ตอบชัดว่า “ทำไมจะไม่หล่ะ ก็เมื่อผมต้องเขียนรายงานวิเคราะห์ 35 หน้า ผมก็ไปเอาคีย์บอร์ดบูลธูทมาใช้ แต่นั้นแค่ 1% ที่เคยเกิดขึ้นเท่านั้น”
“ผู้คนหัวเราะเยาะผมเมื่อผมบอกว่า it (iPad)’s magical แต่บางอย่างก็กำลังเปลี่ยน และบางอย่างก็หายไปแล้วระหว่างคุณและคอมพิวเตอร์”
iPad จึงมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้คน ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นและคอนเทนต์ ซึ่ง Jobs บอกว่าเขาเชื่อว่าผู้คนยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อคอนเทนต์ เพลง วิดีโอ และสื่อ อย่างแน่นอน นี่คือคำตอบที่ทำให้ iPad ครบเครื่องตั้งแต่มัลมิมีเดีย บันเทิง จนถึงอ่านหนังสือ นิตยสาร และหนังสือพิมพ์
Magic ที่ Apple พยายามมานานเกือบ 10 ปี กับผลที่คนต่อคิวยาวเพื่อ iPad วัฒนธรรมทัชเพลิดเพลินบนหน้าจอ 9.7 นิ้วแพร่ขยาย ทำให้ยิ่งนานวันเสียงหัวเราะเย้ยหยันที่ Jobs เคยได้ยินกำลังเงียบลง
Work & Play
ด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับ iPhone ทำให้บรรดาผู้ใช้ iPhone หลายคนเกิดความรู้สึกว่าความเพลิดเพลินที่เคยได้จากการเล่นมัลมิมีเดีย ดูหนังฟังเพลง เล่นเกม เข้าเว็บผ่านหน้าจอ iPhone 3.5 นิ้ว (ไม่นับการโทรและกล้องที่ iPad ไม่มี) นั้น ได้เกิดความรู้สึกใหม่ จากที่เคยบอกว่า Small is beautiful ได้กลายเป็น The bigger is better เมื่อได้เจอจอที่ใหญ่กว่า 3 เท่าของ iPad ที่ทำไซส์มา 9.7 นิ้ว
ดูหนังฟังเพลง
เพลิดเพลินมากมายกับการดูหนังที่สามารถดู HD 720 p ที่ชัดและสีสดมาก ที่ปัจจุบันแม้แต่ใน Youtube ก็มีคลิป HD ให้เห็นได้บ้าง สามารถดูพร้อมๆ กันได้หลายคน เพราะมองจอจากมุมต่างกันก็ให้ภาพไม่เพี้ยน แม้จอจะเล็กแต่ได้ดูพร้อมกันหลายคนก็ทำให้ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างแน่นแฟ้นขึ้น
iTunes ดูดีเต็มจอ ดูปกอัลบั้มเพลง หน้าแผ่นดีวีดี และทีวีซีรี่ส์ต่างๆ ได้สะใจ และเสียงแน่นกว่าเจ้าตัวเล็ก
อ่านหนังสือเพลินกว่า เต็มที่กว่า
พอได้เครื่องมาแล้วก็ดาวน์โหลดแอพฯ iBook จาก App Store จะมีหนังสือฟรีมาให้ลองชิมอ่านก่อนคือ Winnie the Pooh หลายคนบอกว่าความรู้สึกมันดีมาก เพราะเวลาพลิกเหมือนพลิกจริง ด้วยนิ้วที่ทัชเปลี่ยนหน้า ซูมเข้าออกตามใจนิ้ว จากเล่มฟรีหลายคนจึงต่อยอดโหลดจาก iBook Store ไปอีกหลายเล่มที่ยอมจ่ายแม้จะถูกกว่าโดยเฉลี่ย 20-30% ก็ตาม ที่ตอนนี้มีให้เลือกมากมายของต่างประเทศทั้งนิตยสารและหนังสือพิมพ์ โหลดมาสักพันเล่ม ก็ถือไปไหนด้วยก็ได้ ด้วยน้ำหนักประมาณ 700 กรัม
ความเพลิดเพลินยังจะมีมากมายในหนังสือผ่าน iPad ที่สามารถ แทรก VDO Clip หรือ Interactive กับเกม ตอบคำถาม ได้ทันใจ ตัวอย่างแมกกาซีน ที่อยู่หน้าจอ iPad ของหลายๆ คนแล้ว อย่าง Wired เต็มรูปแบบ สวย เพลิน ลากนิ้วไปข้าง ไปบนไปล่าง เห็นแล้วอดใจไม่ไหว
ทำงานก็ได้ แต่ไม่หนักมาก
ได้เครื่องมาแล้วโหลดแอพฯอีก 3 ตัวในกลุ่ม iWork (ตัวละ 9.99 เหรียญสหรัฐ) ก็พอที่จะทำงานบน iPad ได้
สำหรับการพิมพ์ด้วยแอพฯ Pages ที่ใกล้เคียงกับ Mac แต่ดีกว่าที่เลือกพิพม์แนวตั้งแนวนอนบน iPad ก็ได้ ตามคุณสมบัติที่ iPad ให้ Rotate มุมมองจอได้เหมือน iPhone งานที่พิมพ์ออกมาแสดงได้เป็น Pages PDF และ Doc มีแอพฯ Numbers ในการสร้าง Spreadsheets ต่างๆ ตาราง Excel เป็นต้น
Present ได้ WOW
แอพฯ Keynote ในกลุ่มของ iWork ที่ทำให้พรีเซนต์งานไม่ใช่แบบ Power Point แห้งๆ เท่านั้น แต่แทรกเอฟเฟกต์ได้ทำให้งานที่พรีเซนต์ตื่นเต้นและสนุกสนานกว่าเดิม ยังมีฟีทเจอร์ที่ช่วยเชื่อมต่อ iPad เข้ากับ Video Projector และไม่ต้องเสียเวลารอเปิดเครื่องนานเหมือนอย่างโน้ตบุ๊ก และยังเหมาะกับคนที่เก็บผลงานถ้าสามารถจ่ายซื้อเครื่องขนาด 64GB ได้
เล่นเกม (คนเดียว) ก็มันส์
แม้จะไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ ไม่ได้เสียบ Joystick การเล่นเกมบน iPad ก็จะเพลินได้ด้วยความสามารถในการคอนโทรลเกมด้วยการหมุนตัวเครื่องไปมา ที่หลายคนได้ประสบการณ์การหมุนมาแล้วจาก iPhone แล้วแต่นี่แค่จอใหญ่กว่า
ทัชลากเส้นวาดรูป-แจกลายเซ็น
เจ้าของ iPad หลายๆ คนในเวลานี้ มีกิจกรรมหนึ่งที่เพลิดเพลิน และมักชักชวนก๊วน หรือแม้แต่เพื่อนหน้าใหม่ให้ลองสัมผัสจอและวาดรูปดูแอพฯที่เคยเกิดมาแล้ว แต่มาเล่นบนกระดานชนวนดิจิตอลนี้สนุกกว่า คือ Sketchbook Pro 7.99 เหรียญสหรัฐ ที่ใช้นิ้วต่อนิ้ว เส้นต่อเส้น และสีต่อสี ทำให้ภาพที่ออกมาได้อย่างต้องการน่าทึ่ง ที่ทำให้เห็นว่าตัดสินใจทิ้งเมาส์ที่ต้องคอยลากเส้นและทำให้เมื่อยได้ไม่ยาก
หรืออีกหนึ่งอย่างที่เห็นในกลุ่มคนเล่น iPad บ้านเรา คือการใช้แอพฯ Penultime ไว้เขียนข้อความเองเล่นๆ หรือถ้าเจอคนดังก็อาจให้ประทับลายเซ็นต์เก็บไว้ใน iPad ก็ได้
10 จุดเด่น-จุดด้อย iPad
จุดเด่น
1.หน้าจอ Multi-Touch ที่ใหญ่ ช่วยให้ดูหน้าเว็บได้ชัดเจน สีสันสดใส ตัวอักษรที่มองง่าย สามารถสั่งการได้ง่ายและรวดเร็ว
2.สามารถดูหนังในระบบ HD ได้อย่างสบาย ทั้งรูปแบบ Wide-Screen และ Full-Screen
3.แชร์รูปภาพให้กับเพื่อนๆ ได้ง่าย สามารถจัดแบ่งหมวดหมู่ พร้อมโชว์รูปบนหน้าจอที่คมชัด พร้อมกับหมุน ขยาย ย่อ รูปได้ด้วยปลายนิ้ว
4.เป็น iPod ขนาดใหญ่ที่จุเพลงได้มาก พร้อมลำโพงในตัว และเชื่อมต่อผ่านหูฟัง Bluetooth Wireless ได้
5. เข้าถึง YouTube ได้ง่าย พร้อมทั้งดูคลิปในแบบ HD ได้อย่างสบาย
6.มี iTunes ในตัว จึงเช่าหรือซื้อ เพลง หนัง ที่ต้องการได้ผ่าน iTunes Store
7.ด้วยชิป A4 จาก Apple ทำให้เล่นเกม ดูหนัง ได้เต็มที่ สามารถอยู่ได้นานถึง 10 ชม.
8.ประมวลผลอินเทอร์เน็ตเร็วกว่า iPhone และ iPad Touch แม้ว่าจะความเร็วเท่ากัน
9.เปิดโอกาสให้นักพัฒนาไทยสามารถทำแอพลิเคชั่นขายในตลาดโลกได้บนระบบ App Stores
10.มีแอพลิเคชั่นที่สามารถเข้าถึงโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คได้หลากหลาย ทั้ง Twitter Facebook และโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอื่นๆ อีกมาก
จุดด้อย
1.น้ำหนักของตัวเครื่องที่เกือบถึง 1 กิโลกรัมถือว่าหนักเกินไปสำหรับการนอนอ่านหนังสือ
2.ไม่มีกล้อง!
3.ความสามารถเทียบเท่า iPod Touch แต่ใหญ่กว่ามาก และราคาสูงกว่าเท่าตัว เหมือน iPhone แต่โทรไม่ได้
4.อัตราส่วนพิกเซลของ iPad ไม่ใช่ 16:9 ทำให้ไม่พอดีกับการดูหนังแบบ Wide-Screen ที่มีสัดส่วน 16:9
5.ยังไม่รองรับภาษาไทย
6.ราคาแอพลิเคชั่นบน iPad แพงกว่าบน iPod Touch ถึง 3 เท่า
7.ไม่สามารถใช้งานแทนโน้ตบุ๊กหรือเน็ตบุ๊กที่สามารถอ่าน e-Book ได้เหมือนกันที่สำคัญคือมีคีย์บอร์ด
8.ไม่มี Flash ทำให้ไม่สามารถใช้เว็บไซต์ที่มีโปรแกรมนี้ รวมถึงเล่นเกมบน Facebook ไม่ได้ด้วย
9.หน้าจอแค่ 10 นิ้วไม่สะใจพอสำหรับบรรดาหนอนหนังสือ เมื่อเทียบกับ Kindle ของ Amazon ที่หน้าจอใกล้เคียงแต่ให้การแสดงผลที่ใกล้เคียงกับหนังสือจริงมากกว่า
10.เป็นระบบปิดไม่มีพอร์ตยูเอสบีทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นที่ไม่ใช่ Apple ได้
คอมเมนต์
ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอ fukduk.tv
“ในปัจจุบันนั้น iPad มีความพร้อมต่อความต้องการในการดูสื่อหลากหลายประเภทครับ แต่ยังไม่เหมาะสมกับ Video ด้วยข้อจำกัดหลายประการ แต่ในส่วนของ E-Mag นั้นมีช่องทางการเติบโตสูง แต่ยังไม่มีแนวโน้มในการทำเงินในไทย การต่อยอดทางธุรกิจนั้นอาจจะต้องแหวกกรอบความคิดของสื่อดั้งเดิมพอสมควร เช่น Mix Media หรือ Online Gaming เป็นต้น
ส่วน FuKDuK เองนั้น ตัว FuKDuK Mag จะพัฒนาให้ตัวหน้าเว็บ Support Ipad Size Resolution แต่ยังติดขัดเนื่องจากเทคโนโลยีของ FuKDuK กับ iPad (Flash – HTML5) นั้นยังไม่ Compatible กัน”
ปราโมทย์ สุดจิตพร ซีอีโอ เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
“iPad เป็นโปรดักต์ที่มีโอกาสเกิด เพราะ1.ที่ผ่านมาคนมีหมดแล้วตั้งแต่โน้ตบุ๊กจนถึงมือถือเล็กใหญ่ ก็อยากหาสิ่งใหม่ และ2.ผสมผสานเทคโนโลยีกับไลฟ์สไตล์พอดี เช่น คนเดินทางมากขึ้น ผมจึงมองว่าเป็น Gadget มากกว่า
สำหรับธุรกิจเกมแล้ว เกมออนไลน์อาจยังไม่ได้กระทบในทางบวกมากนัก เพราะเกมออนไลน์เล่นกันเป็นกลุ่ม ส่วนใหญ่พัฒนาบนพีซี และความสนุกสนานอยู่ที่การควบคุม Joystick หรือ Mouse แต่สำหรับ Casual Game ที่คนเล่นเพื่อฆ่าเวลาจะได้ผลดีมากขึ้น และคนสร้างแอพฯเกมก็มีโอกาสมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในระดับโลก สำหรับเอเชียซอฟท์ ในเบื้องต้นจะใช้ iPad เป็น “มีเดีย” เพื่อการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมาย”
ธนา เธียรอัจฉริยะ รองซีอีโอ ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจ ดีแทค
เอา iPad มาลูบๆ คลำๆ อยู่สองสามวัน ตอนนี้พยายามซื้อตัวที่เป็น 3G อยู่แต่ขาดตลาด น่าจะได้มาลูบต่อเร็วๆ นี้ครับ อยากได้มาใช้เพราะอ่านเจอพวก Application ใหม่ๆ แล้วน่าสนใจมาก
กระแส iPad ผมว่าน่าจะแรงพอสมควรในเมืองไทย แต่อาจจะไม่เท่ากับ iPhone ในช่วงแรกๆ น่าจะไปโดนกลุ่มที่ใช้ Laptop ประจำส่วนหนึ่งและสาวก Apple อย่างผมอีกส่วนหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าจะเป็นกลุ่มใหญ่พอที่จะสะเทือนธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งหรือไม่ แต่คนใช้ส่วนใหญ่ ถ้าดูจาก Application ที่ออกมา ก็จะเป็นการ Browse Internet อ่านข่าว เล่นเกม เก็บรูป ทำงานบ้างe-mail บ้าง
มีคนบอกว่าจะมาแทนหรือมีผลต่อกลุ่มธุรกิจ Media ซึ่งผมก็ว่าน่าจะจริงในระยะยาวหน่อย อาจจะบวกหรือลบก็ยังไม่รู้ คงขึ้นอยู่กับการปรับตัวของแต่ละ Media ในช่วงแรกๆ กลุ่มคนที่มี หรือใช้ iPad ก็คงมีสองกลุ่ม คือกลุ่มนักธุรกิจที่มีสตางค์ กับกลุ่มสาวก Appleแสนสองแสนคนแรกก็คงเป็นกลุ่มนี้ ดังนั้นธุรกิจที่น่าจะกระทบในยุคแรกก็คงเกิดจากกลุ่มนี้เปลี่ยนพฤติกรรม
พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โชว์ โน ลิมิต จำกัด
“iPad ช่วยส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของผู้ใช้ดูดี ทำให้หลายคนอยากเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับApple แบบฟรีๆ เพราะถือแล้วโดดเด่นเป็นที่สนใจ เช่นเดียวกับที่หลายคนซื้อ Mac Book มาพรีเซนต์งานลูกค้าแทนโน้ตบุ๊กทั่วไป
โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ iPad แทน Scrip ที่เป็นกระดาษ ซึ่งเมื่อก่อนผมใช้ใน iPhone และ iPod Touch อยู่แล้ว แต่เปลี่ยนมาใช้ iPad ก็ช่วยทำให้เห็นชัดขึ้นเพราะหน้าจอใหญ่กว่าและมีเนื้อที่ในการจดมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องพะวงเรื่องการเปิดหน้ากระดาษ และกำลังจะเพิ่มซอฟต์แวร์ Air Sharing ที่เป็นการส่งไฟล์ Word ผ่าน Wi-Fi เผื่อกรณีที่มีคิวแทรกใน Scrip จะได้ไม่ต้องใช้กระดาษเพิ่ม”