“ฮ่องกง” เตรียมแจกเงินประชาชน 7 ล้านคน อัดฉีดเศรษฐกิจหลังประท้วงพ่วง COVID-19

รัฐบาลฮ่องกงเตรียมแจกเงินแก่ประชาชนผู้พำนักถาวร 7 ล้านคน คนละ 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 41,000 บาท) หวังกระตุ้นการจับจ่ายเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัวจากเหตุชุมนุมประท้วงและการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในปีนี้

พอล ชาน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฮ่องกง ออกมาเผยถึงมาตรการแจกเงินสดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างงบประมาณประจำปีที่มีการอัดฉีดเม็ดเงินถึง 120,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อต่อสู้พิษเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดของฮ่องกงในรอบ 10 ปี

เศรษฐกิจที่เฟื่องฟูต่อเนื่องหลายปีทำให้ฮ่องกงมีเงินคงคลังพุ่งสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเวลานี้รัฐบาลจำเป็นต้องดึงออกมาใช้

สำหรับนโยบายแจกเงินรอบนี้จะใช้งบประมาณราว 71,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งทางการคาดหวังว่าผู้บริโภคจะนำเงินส่วนใหญ่ไปจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการจากภาคธุรกิจท้องถิ่น

“การนำเงินคงคลังออกมาสนับสนุนภาคธุรกิจและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับความคาดหวังของประชาชนอย่างแน่นอน”

ชาน ชี้ว่า ผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ, การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่ยืดเยื้อในปีที่แล้ว และการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในปีนี้ เป็น 3 ปัจจัยลบที่บั่นทอนเศรษฐกิจฮ่องกงอย่าง “หนักหนาสาหัส”

รัฐบาลฮ่องกงยังเตรียมออกมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เช่น การลดภาษีกำไรและเงินเดือน รวมถึงการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับภาคธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างพนักงาน

ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร และค้าปลีกในฮ่องกงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดและเริ่มเข้าสู่ภาวะล้มละลาย ขณะที่ยอดคนตกงานก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

ชาน ยอมรับว่าฮ่องกงกำลังเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง และคาดการณ์ GDP ในปีนี้ว่าจะอยู่ระหว่างติดลบ 1.5% ไปจนถึงขยายตัว 0.5%

ครั้งล่าสุดที่ฮ่องกงแจกเงินสดแก่ประชาชนแบบถ้วนหน้าคือเมื่อปี 2011 หรือราวๆ 3 ปีหลังเกิดวิกฤตการเงินโลกซึ่งทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงเข้าสู่ภาวะถดถอย

สัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลฮ่องกงเพิ่งจะอนุมัติแพ็กเกจช่วยเหลือมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อเยียวยาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เช่น ร้านอาหารและบริษัททัวร์ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากไวรัสโควิด-19

รัฐบาลฮ่องกงยังกำหนดเป้าหมายขาดดุลงบประมาณสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการขาดดุลครั้งแรกในรอบกว่า 15 ปี แต่ ชาน เชื่อว่าเงินคงคลังที่มีอยู่จะช่วยให้ฮ่องกงสามารถฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปได้

Source