ตอนที่เปิดตัว iPad บรรดา Geek ที่หลงใหลเทคโนโลยีต่างผิดหวัง กระหน่ำโพสต์ “ผิดหวัง และผิดหวัง” กันเป็นแถว เพราะไม่มีกล้องและไม่สามารถใช้เป็นโทรศัพท์ ซึ่งเป็น 2 คุณสมบัติหลักที่ iPhone มี ลุกลามไปถึงกลุ่มนักออกแบบ และโปรแกรมเมอร์ก็ผิดหวัง เพราะใช้กับโปรแกรมที่พัฒนาจาก Flash ไม่ได้
แต่โปรดรู้ไว้ว่า iPad ไม่ได้เกิดมาเพื่อกลุ่มฮาร์ดคอร์เทคโนโลยี โดยเฉพาะในเมืองไทย ที่ตัวจริงของคนหิ้ว iPad จากเกรย์มาร์เก็ตอย่างมาบุญครอง หรือ First Adopter iPad ในเมืองไทยพบว่า เป็น Tech Stylish และ Trend Setter และกลุ่มที่มองหาธุรกิจใหม่ๆ จากอุปกรณ์ใหม่อย่าง iPad มากกว่า Geek
ณ จุดนี้จึงทำให้มองเห็นทิศทางของ iPad ชัดว่าทำมาเพื่อสำหรับคนจำนวนมาก โดยมี Positioning ที่บอกจากปากของ Steve Jobs ว่าคืออุปกรณ์ที่ผสมผสานระหว่างสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป ที่คุณสามารถใช้ดูหนัง เล่นเกม อ่านหนังสือ เล่นเน็ต และทำงานได้ เป็นแท็ปเล็ตทัชสกรี ที่หลายคนบอกว่าเป็น Gadget ตัวจริงที่เกิดมาเพื่อไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ซึ่งหมายถึง iPad มีกลุ่มเป้าหมายที่กว้างตั้งแต่เด็กไปถึงผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มคนจำนวนมากกว่า Geek ที่ออกมาบ่นในตอนแรก
นี่คือเหตุผลที่ว่าเพราะเหตุใด iPad จึงถูกกระหน่ำถึงความไม่เจ๋งตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เปิดตัว เพราะ Geek คือ Influencer ในโลกออนไลน์ แต่ปรากฎว่าเมื่อกลุ่ม Trend Setter และ Geek บางกลุ่มยอมลดสเปก และลองถือในมือ ต่างก็หลงใหลและบอกต่อๆ กัน ทำให้เวลาวางจำหน่ายจริง จึงทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายทั่วโลก
ส่วนในไทยในช่วงแรกๆ ที่ยังร้าน “istudio” ยังไม่ได้นำเข้ามาทำตลาด ร้านค้าตามห้างสรรพสินค้าไอที หรือที่เรียกกันว่า “ตู้มด” เลยเนื้อหอม เพราะลูกค้า iPad เดินเข้าไปซื้อมาเป็นเจ้าของวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 50 เครื่อง เฉพาะรายย่อย และหากขายส่งก็ทำยอดได้ตั้งแต่ 20 เครื่องขึ้นไปต่อร้าน วันหนึ่งรวมๆ แล้วไม่ต่ำกว่า 100 เครื่อง ตั้งแต่วันที่อเมริกาเปิดวางจำหน่ายเมื่อ 3 เมษายน จนถึงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ร้านแห่งหนึ่งในมาบุญครองบอกว่ายอดขายรวมจากแหล่งขายสินค้าไอที คงไม่ต่ำกว่า 5,000เครื่องแล้ว
ที่มาบุญครองมีทุกอย่างเหมือนที่อเมริกามี ทั้งรุ่น WiFi WiFi+3G เพียงแต่บวกราคาขึ้นไปเฉลี่ยเครื่องละ 5,000-8,000 บาท เช่น รุ่น WiFi (16GB) ต่ำสุดที่อเมริกา 499 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 17,000 บาท แต่ที่มาบุญครองขายอยู่ 22,000-23,000 บาท รุ่น WiFi+ 3G (16GB) 629 เหรียญสหรัฐ ที่มาบุญครองปล่อยอยู่ที่ 28,000 บาท ซึ่งลูกค้าครึ่งต่อครึ่งเป็นต่างชาติกับคนไทย และส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย หนุ่มออฟฟิศ มากกว่าผู้หญิง
ความฮิตของ iPad นั้นทำให้ผู้ค้าในมาบุญครองรายใหญ่นั้นตกลงกับดีลเลอร์ของแอปเปิลที่อยู่ในสิงคโปร์และฮ่องกง เพื่อนำส่ง iPad ให้ในช่วงเวลาเดียวกับที่เปิดขายในอเมริกา แม้ว่าในสิงค์โปร์และฮ่องกงจะยังไม่ได้วางขายอย่างเป็นทางการก็ตาม ระบบนี้จึงทำให้ที่ผ่านมาในช่วงที่อเมริกา และอีกหลายประเทศคุยกันเรื่อง iPad อย่างสนุกสนานแล้ว ในเมืองไทยก็มีผู้ตามที่ติดสปีดพร้อมทุ่มซื้อมาถือ ที่พบเห็นได้มากขึ้นเรื่อยๆ นับวันกระแส iPad จึงแรงจนฉุดไม่อยู่
“Allen Moon” ผู้อำนวยการการตลาดของอินเทอร์เน็ต มาร์เก็ตติ้ง เซ็นเตอร์ได้สรุปว่า คนที่จะถือ iPad นับจากนี้จะเป็นกลุ่มคนตั้งแต่ผู้ใหญไปจนถึงเด็กนักเรียน ที่มีลักษณะพฤติกรรมดังนี้
1.คนที่ไม่ชอบใช้คอมพิวเตอร์
ความง่ายในการใช้งานจากทัชสกรีน ทำให้ iPad ปลดล็อกคนที่กลัวการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่มักเจอปัญหาโปรแกรมหาย ต่อต้องสู้กับปัญหาการใช้งาน หรือหาฟีเจอร์ต่างๆ ไม่เจอในคอมพิวเตอร์ กลุ่มนี้มักเป็นคนวัยกลางคน หรืออายุมากสักหน่อย อีเมลถึงเพื่อนและครอบครัว ดูเว็บ ดูวิดีโอ แชร์ภาพ
2.คนที่ชอบเดินทาง
ส่วนใหญ่คือคนรุ่นใหม่ เพราะด้วยคุณสมบัติ iPad มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับแล็ปท็อปแบบเดิมๆ ทำให้พกพาได้ง่าย iPad จึงมักเดินทางไปด้วยในที่ที่แล็ปท็อปไม่ได้ไป ลองนึกภาพถ้าไปทานอาหาร ระหว่างรอเสิร์ฟ iPad จะสามารถช่วยให้เด็กๆ นิ่งและเพลิดเพลินด้วยหนัง หรือเกมที่นำมาด้วยได้
3.นักเรียน
เด็กๆ ที่เคยกระเป๋าหนักไปด้วยหนังสือ และยังต้องจ่ายแพงอีกต่างๆ แถมยังจบเทอมแล้วก็ไม่ได้เปิดมันอีก ซึ่งดีกว่ามากมายเมื่อหนังสือเหล่านั้นไปอยู่บน iPad ที่อ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ลองมาทำความรู้จักชาว iPad ว่าเขาเป็นใครกันบ้าง และมาดูพวกเขาทำอะไรกับ iPad จากสถิติเหล่านี้ ที่ POSITIONING รวมรวมจากข้อมูลที่หลั่งไหลตลอดเดือนพฤษภาคม 2010 หรือเป็นเวลา 1 เดือนเศษ หลังจากที่ iPad วางจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนเมษายน 2010 และทำยอดขายได้ 1 ล้านเครื่องภายใน 28วัน
สาวกรุ่นแรก
74% ที่ซื้อ iPad เป็นลูกค้าที่ใช้เครื่อง Mac อยู่แล้ว
11% ของคนที่ใช้สมาร์ทโฟนอยากซื้อไอแพด (สำรวจเดือน ก.พ.2010 โดย AdMob)
10% ของคนใช้ iPad ในเดือนแรกอยู่นอกอเมริกา ทั้งที่แอปเปิลยังไม่ได้เปิดขายนอกอเมริกา
2:1 คือคนผู้ชายต่อผู้หญิงที่ใช้ iPad
35-44 ปี คือกลุ่มอายุที่ถือ iPad มากที่สุด
94% ของชาว iPad รวยมีรายได้ดีกว่าชาวอเมริกันทั่วไป
*ที่มา : Yahoo วิเคราะห์จากคนคลิกเข้ามาผ่าน iPad
ใช้อะไรกันบ้าง
เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2 เท่าที่ชาว iPad คลิกดูเว็บต่างๆ เมื่อเทียบกับใช้พีซี
Flickr เพิ่ม 2.4 เท่า
Finance เพิ่ม 2.1 เท่า
ข่าว เพิ่ม 2 เท่า
กีฬา 1.9 เท่า
*ที่มา : Yahoo วิเคราะห์จากคนคลิกเข้ามาผ่าน iPad
3 อย่างท็อปฮิตที่ใช้กับiPad
83% ใช้เซิร์ฟเน็ต
71% เช็กอีเมล
56% ใช้แอพพิเคชั่นจาก App Store
*ที่มา : ChangeWave Survey สำรวจเจ้าของ iPadจำนวน153 คน
iPad VS Netbook
44% ของชาวอเมริกันมีแผนจะซื้อ iPad แทนที่จะซื้อ Netbook หรือ Notebook
5% คือตัวเลขยอดขายเติบโตของ Netbook ในเดือนเมษายนที่ iPad เปิดวางจำหน่าย ขณะที่เดือนกรกฎาคม 2009 Netbook เคยโตถึง 641%
ที่มา : Morgan Stanley และ Alphawise
นักธุรกิจคอนเฟิร์ม
Citrix บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของโลก ได้ทำการสำรวจลูกค้าของตัวเองเกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อ iPad โดยผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า
-80% นักธุรกิจส่วนใหญ่ต้องการซื้อ iPad เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจ
-84% สนับสนุนให้มีการใช้ iPad เพื่อเป็นเครื่องส่วนตัวในองค์กร โดยกว่าครึ่งคาดหวังว่า บริษัทจะซื้ออุปกรณ์นี้ให้กับพนักงาน
-87% บอกว่าแอพพลิเคชั่นที่ช่วยส่งผลต่อการทำงาน จะเป็นสิ่งที่พวกเขาใช้เป็นลำดับแรก
-90% จะใช้ iPad สำหรับการติดต่ออีเมลทางธุรกิจ ส่วนการใช้งานเพื่อดู ตัดต่อ และทำพรีเซนเทชั่นตามมาติดๆ
-60% บอกว่า พวกเขาจะใช้ iPad สำหรับการประชุมออนไลน์
-90% บอกว่า ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของ iPad คือ การช่วยให้การทำงานนอกสถานที่เป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือที่อื่นๆ ก็ตาม ขณะที่อีก 74% ตอบว่า iPad ช่วยให้พวกเขาเพิ่มความพึงพอใจในประสิทธิภาพการทำงาน
ที่มา : Citrix