ผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองหลวงของอินโดนีเซียเป็นเวลา 2 สัปดาห์ รับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในดินแดนแห่งนี้สูงสุดในบรรดาประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จนถึงตอนนี้อินโดนีเซียยืนยันพบผู้ติดเชื้อ 369 คนและเสียชีวิต 32 คน แต่เฉพาะในกรุงจาการ์ตา ซึ่งมีประชากร 10 ล้านคน พบผู้ติดเชื้อ 215 คนและเสียชีวิต 18 ราย
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสอดคล้องกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในมาเลเซีย ซึ่งยืนยันในวันศุกร์ที่ 20 มี.ค. ว่ายอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มเป็น 1,030 คน สูงสุดในภูมิภาคและเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย แม้มีผู้เสียชีวิตเพียง 3 คน
รัฐบาลมาเลเซียบอกว่าะใช้กองทัพตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 22 มี.ค. เป็นต้นไป เพื่อช่วยยกระดับการควบคุมการเดินทางและการเคลื่อนไหวเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
อานิส บาสเวดาน ผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตา บอกว่าสถาบันเทิงต่างๆ อย่างเช่น บาร์, สปา และโรงภาพยนตร์จะถูกปิดตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 มี.ค. เป็นต้นไป และการขนส่งมวลชนจะแล่นให้บริการอย่างจำกัด พร้อมเรียกร้องบริษัทต่างๆ อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน
“ทีมแพทย์ของเราทั่วจาการ์ตากำลังจัดการกับคนจำนวนมาก ศักยภาพในการตอบสนองของเรามีจำกัด เพราะจำนวนโรงพยาบาลและแพทย์ไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ติดเชื่อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” เขากล่าว
ก่อนหน้านี้จาการ์ตาระงับกิจกรรมทางศาสนาทั้งหมด ทั้งพิธีละหมาดวันศุกร์และพิธีการต่างๆ ของชาวคริสต์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด บอกว่าเขาจะใช้อำนาจรัฐทั้งหมดจัดการกับการแพร่ระบาด
อินโดนีเซีย ชาติพลเมืองใหญ่สุดอันดับ 4 ของโลก เผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคณะแพทย์ต่อการเริ่มดำเนินการอย่างล่าช้าสำหรับการตรวจเชื้อเคสต้องสงสัย