“ผลประกอบการของไตรมาสแรกปีนี้ตก 7%” สานิต หวังวิชา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดง นิ่งไปนานก่อนตอบคำถามแรกที่นักข่ายพร้อมใจกันถามถึงยอดขายในไตรมาสแรกของกระทิงแดง เนื่องจากตลาดรวมของเครื่องดื่มชูกำลังไม่ได้เติบโตมา 3-4 ปีมาแล้ว มีมูลค่าอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เพราะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นฐานใหญ่มีอยู่ 60-70% ได้ลดการใช้จ่ายลงจากผลพวงเศรษฐกิจ
ทำให้กระทิงแดงต้องออกแรงเพิ่มมากขึ้น เพื่อหากลุ่มเป้าหมายใหม่หลังจากที่ดึงตัวหนุ่ม “แบงค์ วงแคลช” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เมื่อปีที่ผ่านมาภายใต้คอนเซ็ปต์ “2 มือ 1 ใจ อะไรก็เป็นไปได้” หวังจับกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการความท้าทาย และในปีนี้ตอกย้ำด้วยการต่อยอดด้วยแคมเปญใหม่ “เป้าหมายมีไว้พุ่งชน” ที่ดึง “กีกี้ ศักดิ์ นานา” ผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงการ Motor Sport ในด้านการดริฟท์รถจากต่างประเทศ ถ่ายทอดผ่านหนังโฆษณา เป็นการสร้างแรงบันดาลใจมัดใจกลุ่มวัยรุ่น ที่มีเป้าหมายและพยามไปให้ถึงฝันด้วยตัวของตัวเอง ด้วยงบประมาณราว 50 ล้านบาท และจัดกิจกรรมนำพรีเซ็นเตอร์เป็นวิทยากรแนะนำการใช้ชีวิตแก่นักศึกษาที่ใกล้จบและผู้ที่ตกงานหรือหางานใหม่ได้มีกำลังใจในการดำเนินชีวิต ทำให้ได้ใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
“เราใช้กลยุทธ์ Music, Movie& Sport Marketing มาโดยตลอด ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องภายใต้แนวคิด Lifestyle Marketing เพื่อตอกย้ำแบรนด์กระทิงแดงให้แตกต่างจากคู่แข่ง ที่ใช้เพียงมิวสิค มาร์เก็ตติ้งอย่างเดียว เรายังจัดคอนเสิร์ตทั่วประเทศเหมือนปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง เกิดการจดจำและทดลองดื่ม ทำให้สามารถกระตุ้นให้เกิดความถี่ในการดื่มมากขึ้น ด้วยงบการตลาดทั้งปี 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 4-5%”สานิต บอก
แม้ปีนี้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังอาจจะมีการเติบโต 1% ก็ตาม แต่ผลที่เกิดจากการทำตลาดของผู้เล่นหลายๆ แบรนด์ สานิตเชื่อว่านับจากนี้เครื่องดื่มชูกำลังจะเข้าไปอยู่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มวัยรุ่นได้เหมือนกับในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่นไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 30-40% ทำให้ของกลุ่มวัยทีนกระดกเครื่องดื่มชูกำลัง ดูคอนเสิร์ต จะเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นในสายตาของผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังในเมืองไทย