ซีเกมส์ระอุ..เงินเข้า..งานเข้า

การถ่ายทอดสดซีเกมส์ครั้งที่ 25 จากลาวปลายปีนี้เกิดมีประเด็นร้อนอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน เมื่อทางการลาวจัดรูปแบบลิขสิทธิถ่ายทอดให้มีบริษัทเอกชนชื่อ เพชรจำปา มาประมูลแล้วนำสิทธิไปจำหน่ายต่อให้ประเทศอื่นๆรวมถึงไทยที่ อาร์เอส ไปประมูลได้มา

แต่เรื่องราวเริ่มวุ่นขึ้นมาเมื่อโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล/ทรท.) แถลงเมื่อเมื่อ 10 กันยายนที่ผ่านไปว่าสมาชิกเช่นผู้บริหารจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7 และ ช่อง 9 ได้เห็นพ้องกันว่าการซื้อขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดซีเกมส์นั้น “เป็นการทำลายประเพณี การถ่ายทอดที่มีมาแต่ดั้งเดิม ทำให้การแข่งขันกีฬาซีเกมส์กลายเป็นรูปแบบระบบธุรกิจอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผู้ชมชาวไทยเสียประโยชน์ และขัดกับหลักการแข่งขันกีฬาระดับภูมิภาคที่เน้นความสามัคคี สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ”

และเข้าสู่ข้อสรุปจากฝ่าย ทรท. ว่า “ดังนั้น สมาชิกทีวีพูล ไม่เห็นด้วยต่อแนวความคิดที่จะมีการขายลิขสิทธิ์ ทั้งนี้เพื่อพิทักษ์ประเพณีการถ่ายทอดตามปรัชญาทีวีที่ต้องมีการบริการสังคม มิใช่มุ่งแสวงหากำไรในทุกเรื่อง”

อีกฝ่ายนั้น “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อาร์เอส ที่ให้น้ำหนักกับธุรกิจกีฬามากขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่บอล Euro 2008 เป็นต้นมา แถลงโต้ว่า …

“เราเคารพในการตัดสินใจของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยหรือทีวีพูล แต่ขอยืนยันว่ายังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางบริษัทได้ทำการเซ็นสัญญากับ บริษัท เพชรจำปา จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนด้านธุรกิจสิทธิประโยชน์และดูแลการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 อย่างเป็นทางการจากคณะมนตรีซีเกมส์ ตามหลักปฏิบัติสากลอย่างถูกต้อง ซึ่งมีแผนจะออกอากาศทางช่องฟรีทีวี และ แซทเทิลไลท์ทีวี เป็นหลัก และยังคงยืนยันว่าประชาชนชาวไทยจะได้รับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 อย่างแน่นอน”

อาร์เอสย้ำว่าได้พูดคุยกับทางช่อง 11 ถึงการถ่ายทอดซีเกมส์ครั้งนี้ประมาณวันละ 6 ชั่วโมงเรียบร้อยแล้ว ส่วนช่องฟรีทีวีอื่นๆ อันได้แก่ ช่อง 3 , ช่อง 5 , ช่อง 7 และช่อง 9 นั้นก็ยังคงอยู่ในขั้นตอนการเจรจาและจะเรียบร้อยภายในสิ้นเดือนนี้ และคาดการณ์รายได้จากการถ่ายทอดว่าจะอยู่ที่ 40-50 ล้านบาทจากการขายโฆษณา

ซีเกมส์ปลายปีนี้จะอยู่ในรูปแบบบริการสาธารณะหรือว่ามีเอกชนประมูลไปแสวงหากำไร ? ออกอากาศช่องไหนอย่างไรบ้าง ? ทั้งนักการตลาดและคอกีฬาต้องจับตากระแสข่าวนี้ว่าจะได้ข้อยุติกันอย่างไรต่อไป