เป้าหมายของ “เถ้าแก่น้อย” ที่ชื่อ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ในวันนี้ คงไกลเกินกว่าตลาดภายในประเทศ ที่มีสินค้าเพียงแค่ “สาหร่าย” เท่านั้น
ตอนนี้สินค้าของเขามีจัดจำหน่ายครอบคลุมมากกว่า 10 ประเทศในทวีปเอเชีย และได้แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปสู่รูปแบบ “ขนมปังกรอบ” รวมทั้ง “ขนมขึ้นรูป” ที่เตรียมเปิดตัวภายในปีนี้อีกด้วย
ท่าทีของผู้บริหารหนุ่มในวันแถลงข่าวระหว่างงาน Thaifex ที่เถ้าแก่น้อยได้ร่วมออกบูธเพื่อพบปะ Buyers จากทั่วโลกเต็มไปด้วยความมั่นใจในอนาคตของเถ้าแก่น้อย ทั้งผลิตภัณฑ์เดิมอย่างสาหร่ายที่ติดลมบนไปแล้ว และการก้าวเข้าสู่เซกเมนต์ใหม่ของตลาดขนมขบเคี้ยวที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
อิทธิพัทธ์ คงต้องทำการสำรวจตลาด และผู้บริโภคจำนวนมาก ก่อนที่จะกล้าออกสินค้าใหม่ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมา เขาบอกเพียงว่า ผมใช้การ “เดิน” เท่านั้น
แม้จะมีตำแหน่งเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด หรือให้เข้าใจง่าย เขาเป็นเจ้าของบริษัทนั่นเอง แต่กิจกรรมอย่างหนึ่งที่เขาทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง คือ การเดินสำรวจตลาดด้วยตัวเขาเองในทุกครั้งที่มีเวลา
ไม่ใช่ว่าอิทธิพัทธ์ไม่เห็นความสำคัญของการทำวิจัย แต่เขายังคงมีความเชื่อมั่นใน “Sense” ของตัวเอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่นำพาให้เขาและบริษัทเกินมาไกลจนคาดว่ารายได้น่าจะถึงเป้าหมาย 2,000 ล้านบาทในปีนี้
“ผมเดินสำรวจตลาดค่อนข้างบ่อย ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อในการวิจัยนะ แต่ผมก็เชื่อในสายตาและความรู้สึกของตัวเอง ผมจะรู้ว่าสินค้าประเภทไหนขายดี ขายไม่ดี และเห็นว่ามีสินค้าอะไรวางขายอยู่บ้าง และมีช่องว่างในตลาดสำหรับสินค้าใหม่มากน้อยแค่ไหน”
และจากการเดินตลอดปีที่ผ่านมา ทำให้เขาเห็นช่องว่างสินค้าในตลาด จนพัฒนาออกมาเป็นขนมปังอบกรอบในชื่อ “Want More”
โดยทั่วไป ขนมปังอบกรอบมักอยู่ในรูปแบบของเบเกอรี่ แต่ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดทำออกมาในลักษณะของสแน็คมาก่อน อิทธิพัทธ์จึงตัดสินใจพัฒนาสินค้า แล้วทดลองวางขายในร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์พบว่า ยอดขายเติบโตได้ดี จึงเริ่มลงทุนไลน์ผลิตอย่างจริงจัง และจัดจำหน่ายเต็มรูปแบบ
เช่นเดียวกับขนมขึ้นรูป ที่มีแผนจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ที่แม้อิทธิพัทธ์ยังบอกไม่ได้ว่าจะออกมาในลักษณะไหน แต่คอนเซ็ปต์โดยรวมเกี่ยวข้องกับซีฟู้ด และที่สำคัญ ยังไม่เคยมีผู้ผลิตรายใดทำมาก่อน
เขามองว่า การเป็นเจ้าแรกในตลาดเป็นหนึ่งในปัจจัยสู่ความสำเร็จในปัจจุบัน เพราะนั่นเท่ากับว่า แบรนด์สินค้ามีโอกาสเป็นเจ้าแรกที่อยู่ในใจของผู้บริโภคได้ในที่สุด
Foot Marketing
ไม่ใช่แค่อิทธิพัทธ์เท่านั้น ที่เลือกใช้การเดินสำรวจตลาด แต่ที่ผ่านมาอดีตผู้บริหารดีแทค อย่างซิคเว่ เบรคเก้ ก็เคยพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จจากการเดินสำรวจตลาดมาแล้ว
หลายคนเรียกซิคเว่ ว่า นักการตลาดเดินเท้า ขณะที่ฝ่ายวิชาการเรียกวิธีการนี้ว่า Foot Marketing เพราะนอกจากเป็นการแสดงให้เห็นถึงการใส่ใจในการให้บริการกับลูกค้าแล้ว การได้ออกมารับรู้สิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองแทนที่จะติดอยู่กับในห้องสี่เหลี่ยมแล้วนั่งฟังผลรายงานการวิจัย ยังมีโอกาสได้รับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าที่ใช้บริการโดยตรงได้อีกด้วย