นิตยสารฟอร์บส์เปิดเผยรายชื่อมหาเศรษฐีหน้าใหม่ของเมืองไทย หนึ่งในนั้นคือ ‘ต๊อบ เถ้าแก่น้อย’ หรือ ‘อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์’ มหาเศรษฐีหนุ่มวัย 33 ผู้มีทรัพย์สินกว่า 2หมื่นล้านบาท วันนี้เขาจะมาให้ข้อคิดสำหรับคนเริ่ม Start up
นิตยสารฟอร์บส์ นิตยสารเก่าแก่ด้านธุรกิจและการเงินของสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันมีฉบับประเทศไทยได้ทำการจัดอันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี โดยอันดับ ยังเป็นของตระกูลเจียรวนนท์ แห่ง CP โดยมีทรัพย์สินรวมราว 7.4 แสนล้านบาท อันดับ 2 เป็นของเจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งเบียร์ช้างซึ่งมีทรัพย์สินรวมราว 5.3 แสนล้านบาท ส่วน ตระกูลจิราธิวัฒน์ เข้าวินเป็นอันดับ 3 มีทรัพย์สินรวมราว 5.2 แสนล้านบาท
แต่ที่น่าสนใจก็คือมีมหาเศรษฐีหน้าใหม่ที่อายุน้อยที่สุดในการจัดอันดับครั้งนี้คืออายุ 33 ปี ซึ่งนั่นคือ ‘ต๊อบ-อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์’ หรือ ‘ต๊อบ เถ้าแก่น้อย’ ผู้ก่อตั้งธุรกิจสาหร่ายทอดเถ้าแก่น้อยที่ปีนี้ติดอยู่ในอันดับ 44 โดยมีทรัพย์สินรวมราว 2.1หมื่นล้านบาท
มหาเศรษฐีระดับหมื่นล้านอย่าง ‘ต๊อบ เถ้าแก่น้อย’ ได้กลายเป็นต้นแบบให้กับคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการทำธุรกิจ รวมไปถึงคนที่ชอบไขว่คว้าหาโอกาสความสำเร็จในชีวิตซึ่งเขาได้เปิดเผย 7 ข้อคิดสำคัญในการเริ่มต้นทำธุรกิจในปี 2018 ไว้ในเฟซบุ๊คของเขาที่ชื่อ ‘ต๊อบ อิทธิพัทธ์’ โพสต์เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมาซึ่งเปรียบเสมือนเป็นข้อคิดของขวัญปีใหม่ให้กับคนรุ่นใหม่ที่กำลังตามหาความฝันของตนเอง โดยมีใจความดังนี้
Happy new year 7 ข้อคิด สำคัญในการเริ่มธุรกิจ (ของวัยรุ่น 2018)
1) ถ้ากำลังเริ่มต้นธุรกิจ startup ให้คำนึงถึงการเทสต์กลุ่มเป้าหมายให้มากๆ ให้หาวิธี เทสต์สเกลที่เล็กๆ ในพื้นที่จำกัดให้รับรู้ถึงฟีดแบ็คของกลุ่มลูกค้าอนาคต อย่าย่อท้อต่อความยุ่งยาก startup ที่ดีและโอกาสที่จะเจ๊งน้อยคือ startup ที่รู้จักลูกค้าตนเองอย่างดี
2) อย่าเพ้อฝันว่าสักวันจะทํากําไรได้มากๆ แต่ “ให้หิวกระหายใคร่รู้อย่างต่อเนื่อง รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน รู้สถานะตนเองตลอดเวลา เพราะสิ่งนั้นจะช่วยเหนี่ยวรั้งไม่ให้เราหลงระเริงกับความสําเร็จเกินไปนัก”
3) คิดให้แตกต่างเข้าไว้ หากแตกต่างเป็นคนแรกและทําให้เกิดผลได้สําเร็จ (หากไม่แตกต่างก็ต้องดีกว่า คือต้องมีจุดที่ลูกค้าในอนาคตเห็นว่าดีกว่า) ธุรกิจมีหลายโมเดล ไม่จำเป็นเสมอว่า ต้องทำ B2C สมัยนี้ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ กลับมาทาง B2B และ C2C คือยิ่งทำให้คนอื่นสำเร็จเรายิ่งสำเร็จ
4) ควรเรียนให้จบมหาลัยจะดีกว่า (นอกจากจะเจอโอกาสที่พลาดแล้วจะเสียดายไปตลอดชีวิต) ในโลกนี้มีไม่กี่คนที่เป็นแบบ บิล เกตส์หรือสตีฟจ๊อบ (เพราะพวกเขาเหล่านี้จริงๆ ไม่ได้อยากทิ้งเรียนกลางคันเพียงแต่เขาแค่รู้ว่าตัวเองตระหนักรู้อย่างแรงกล้าว่าตัวเองต้องการอะไร)
5) ชีวิตซับซ้อนขึ้นทุกๆ วัน เทคโนโลยีก็เปลี่ยนแปลงเร็ว ทำธุรกิจมีถูกมีผิด สักวันเราอาจตกตํ่าก็ได้ ดังนั้นต้องรู้วิธีที่จะกําของมีค่าบางอย่างไว้ในมือก่อนจะถึงวันนั้น ของมีค่านี้อาจไม่ใช่เงินหรือทรัพย์สินเสมอไป แต่กลับเป็นการเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง
6) มีทัศนะคติ ที่เชื่อมโยงความสำเร็จเสมอ ความสำเร็จเริ่มมาจากการมองโลกในแง่บวก เท่าที่ผมเจอคนที่ประสำเร็จมาแล้วทั้งประเทศ ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่ใกล้เคียงกันนั้นคือคนที่มีทัศนคติเชิงบวกต่ออนาคต อย่ากังวลกับอนาคตเกินจำเป็น เราอาจเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แล้วโลกจะหมุนตามคนที่กล้าเปลี่ยนแปลง
7) ให้หนึ่งในเป้าหมายชีวิตของเรา คือการมีความสุข เคยเจอคนที่ประสบความสำเร็จแต่ซึมเศร้า ไม่มีความสุข นั้นรู้สึกว่ามันไม่ยั่งยืนเลย การมีเป้าหมายที่ชัดเจน บวกความสุข มันช่วยเรื่องสุขภาพ เพราะสุดท้ายสุขภาพ คือคำตอบว่าเราไปได้แค่ไหน สิ่งสำคัญอีกอย่างของปี 2018 คือ
“อย่ามัวแต่ฝันในตอนกลางคืน แล้วตื่นตอนเช้าก็มีชีวิตแบบเดิมๆ”
เรื่อง : กองบรรณาธิการ mars
ข้อมูล : Forbes Thailand / WIKI PEDIA / FB ต๊อบ อิทธิพัทธ์
ขอขอบคุณภาพจาก : FB ต๊อบ อิทธิพัทธ์
ที่มา : mgronline.com/marsmag/detail/9610000001353