ไอโฟน 4 บาง เหลี่ยม แต่แรง

1.ตัวเครื่องออกแบบมาเป็นสี่เหลี่ยมมุมฉาก ไม่มีส่วนโค้งนูนแบบใน iPhone รุ่นก่อน

2.ด้วยความบาง 9.3 มม.ทำลายสถิติโลก ขนาดเครื่องเล็กกว่า iPhone รุ่นก่อนราว 24%เป็นจุดเด่นของไอโฟนรุ่นนี้

3.มีแผ่นแก้วใสครอบจอและตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและหลัง เป็นวัสดุชนิดเดียวกับกระจกของเฮลิคอปเตอร์ แข็งกว่าพลาสติก 30 เท่า กันรอยขีดข่วน ตัวแก้วเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ Oleophobic

4.จอภาพขนาด 3.5 นิ้ว ละเอียด 960×640 พิกเซล ถือเป็นความละเอียดสูงในท้องตลาด

5.ขอบโลหะสเตนเลสแบบพิเศษ ความแข็งแรงกว่า iPhone รุ่นเดิม 5 เท่าตัว ทำหน้าที่เป็นเสารับสัญญาณ
คลื่นวิทยุ, Wi-Fi และ 3G จุดเกิดปัญหาสัญญาณโทรศัพท์มือถืออ่อนหากเผลอใช้มือกดทับขอบเครื่อง

6.ซีพียู A4 ตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPad ทำให้ iPhone 4 รองรับการตัดต่อวิดีโอ

7.รองรับเทคโนโลยี 3G ทั้ง 5 แบบหรือ Pentaband ใช้งานได้ทั่วโลก

8.ใช้ซิมจิ๋ว Micro SIM เช่นเดียวกับ iPad

9.Dual Mic ระบบไมโครโฟน 2 ตัวสำหรับลดเสียงรบกวนขณะสนทนา ไมโครโฟนตัวเสริมจะติดตั้งไว้ข้างช่องเสียบหูฟัง โดยไมโครโฟนตัวหลักจะอยู่ใต้ตัวเครื่อง

10.แบตเตอรี่สนทนาได้ 7 ชั่วโมงบนเครือข่าย 3G และ 12 ชั่วโมงบนเครือข่าย 2G ดูวิดีโอต่อเนื่องนาน 10 ชั่วโมง ฟังเพลงต่อเนื่อง 40 ชั่วโมง เปิดเครื่องรอรับสายนาน 300 ชั่วโมงหรือราว 12 วัน นานที่สุดเทียบกับคู่แข่ง iPhone ในตลาดขณะนี้

11.กล้องหน้าความละเอียดระดับ VGA 640×480 พิกเซล น้อยกว่า 1.3 ล้านพิกเซลที่มีแล้วในตลาดสมาร์ทโฟนปัจจุบัน

12.ความละเอียดของกล้องหลัง5 ล้านพิกเซล ถือว่าเป็นจุดอ่อน เพราะคู่แข่งอย่าง HTC ให้ถึง 10 ล้านพิกเซล แต่ก็มีแฟลชแอลอีดีที่เป็นไฟฉายค้างกรณีถ่ายวิดีโอมาชดเชย

Software
1. Gyroscope ระบบตรวจจับความเอียงเครื่องแบบ 3 แกน พัฒนามาจากเทคโนโลยีที่ใช้ในยานอวกาศและเครื่องบิน สามารถนำไปพัฒนาเป็นคำสั่งอัจฉริยะอื่นๆ ในอนาคต เช่น คำสั่งปิดหน้าจอเมื่อกำลังโทรศัพท์ หรือคำสั่งไม่รับสายเรียกเข้าเมื่อผู้ใช้พลิกโทรศัพท์คว่ำ รวมถึงคำสั่งที่จะทำให้ iPhone 4 ถูกพัฒนาเป็นอุปกรณ์เกมลักษณะเดียวกับ Wii ในอนาคต

2. iOS 4 หรือชื่อเดิม iPhone OS 4 ระบบปฏิบัติการที่ผู้ใช้จะเปิดการทำงานหลายแอพพลิเคชั่นพร้อมกัน (Multitasking), เพิ่มโฟลเดอร์ในโฮมสกรีน, เปลี่ยนพื้นหลัง, รองรับ Exchange Server และจัดการเครื่องจากระยะไกล (ผู้ใช้ iPhone และ iPod Touch รุ่นก่อนหน้านี้สามารถอัพเดต iOS 4 ได้ฟรีแต่จะใช้งานคุณสมบัติไม่ได้ทั้งหมด เพราะข้อจำกัดเรื่องฮาร์ดแวร์)

3. FaceTime ซอฟต์แวร์วิดีโอคอลล์ที่ผู้สนทนาสามารถมองเห็นหน้ากัน เป็นส่วนหนึ่งของ iOS จุดเด่นคือการรองรับเครือข่าย Wi-Fi และคุณภาพของวิดีโอที่เสถียรและลื่นไหล คาดว่าอนาคตจะเปิดให้ใช้ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพิ่มเติม

4. iMovie for iPhone โปรแกรมที่ออกมาตอบโจทย์การถ่ายวิดีโอแบบ 720p จุดเด่นคือผู้ใช้จะสามารถตัดต่อวิดีโอแบบง่ายๆ บนไอโฟน แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องควักสตางค์ซื้อเพิ่มจากร้าน App Store ในราคา 4.99 เหรียญสหรัฐ

5. iBooks โปรแกรมอ่านหนังสือบน iPad ถูกจับมาลงใน iPhone 4 รองรับไฟล์ PDF, บันทึกโน้ตลงในไฟล์หนังสือได้, สามารถเชื่อมต่อหรือ Sync Bookmark ไปสู่ iPad เพื่ออำนวยความสะดวกในการย้ายแหล่งอ่านระหว่าง iPhone และ iPad

6. iAds โมเดลธุรกิจโฆษณาบนแอพพลิเคชั่นใหม่ของแอปเปิลจะทำงานบน iPhone 4 ได้ด้วย สามารถคลิกโฆษณาที่สนใจเพื่อชมวิดีโอได้โดยไม่ต้องออกจากแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานอยู่ เชื่อว่าด้วยโมเดลนี้จะทำให้แอปเปิลกินส่วนแบ่งตลาดโฆษณาบนสมาร์ทโฟนได้ถึง 48% มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยจ็อบส์ให้ข้อมูลว่า บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างนิสสัน ยูนิลีเวอร์ เอทีแอนด์ที ดิสนีย์ เบสต์บาย ฯลฯ นั้นตกลงเข้าร่วมแคมเปญแล้ว

ทำไมถึงมาแรง
ด้วยยอดขายไอโฟน 4 ที่ทำท่าว่าจะทะลุ 2 ล้านเครื่อง เฉพาะยอดจองวันแรกวันเดียว 6 แสนเครื่องไปแล้ว ถึงขั้นผลิตไม่ทันส่งมอบ แซงหน้าไอโฟน 3Gs ถึง 10 เท่าตัว คุณสมบัติแบบไหนทำให้ไอโฟน 4 ได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับตัวพ่อ

ประหยัดพลังงาน
โลกของสมาร์ทโฟนวันนี้เต็มไปด้วยซีพียูที่มีพลังสูงพอสำหรับงานเกือบทุกอย่าง การแข่งขันจึงย้ายไปอยู่ที่เรื่องประหยัดพลังงานแทน แอปเปิลได้ลงทุนพัฒนาชิปของตัวเอง เพื่อทำให้ iPad และ iPhone รุ่นใหม่มีอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานโดยเลือกใช้ชิปที่มีขนาด รูปร่าง และประยุกต์การทำงานให้เข้ากับซอฟต์แวร์ได้พอดี ทำให้กินแบตเตอรี่น้อยและบางลงได้ (เยอะมาก)

ตัดต่อวิดีโอ
แม้จะถูกโจมตีว่า มีจุดอ่อนเรื่องความละเอียดของกล้องเพียงแค่ 5 ล้านพิกเซล ในขณะที่คู่แข่งอย่าง เอชทีซี โซนี่ ไปถึง 10 ล้านพิเซลแล้ว แต่แอปเปิลนำเรื่องการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 720p มาทดแทน แถมยังติดซอฟต์แวร์ใช้ในการการตัดต่อวิดีโอบน iPhone 4 มาให้เสร็จสรรพ ว่าไปแล้ว iMovie เหมาะกับนักข่าวที่ต้องการตัดต่องานและส่งงานได้ทันทีบน iPhone
ส่วนระบบ Facetime การประชุมออนไลน์ เป็นการท้าชนกับเจ้าตลาดโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตอย่าง Skype อย่างจัง แม้บางเสียงจะบอกว่านี่คือทางสะดวกในการ “Sex Chat” หรือการแชตปลุกอารมณ์สยิว ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในเยาวชนก็ตาม

ราคา
สำหรับจุดยืนเรื่องราคา แอปเปิลยังคงวางแนวปฏิบัติเรื่องราคาเพื่อสร้างธรรมเนียมให้ผู้ใช้อัปเกรด iPhone ทุกปีหรือสองปีเช่นเดิม โดย iPhone 4 รุ่น 16GB จะวางจำหน่ายในราคา 199 ดอลลาร์ และรุ่น 32GB ราคา 299 ดอลลาร์ (ต้องทำสัญญาต่อเนื่อง 2 ปี) กลยุทธ์ “ของใหม่ราคาเดิม” ที่ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินเท่าเดิมแต่ได้เครื่องที่ดีขึ้น

ใครจะ “เทพ” กว่ากัน
มาดูคู่แข่งHTC EVO 4G เป็นคู่แข่งจากแอนดรอยด์ตัวแรกที่ถูกจับมาขึ้นสังเวียนเปรียบเทียบกับ iPhone 4 บ่อยที่สุด เพราะ HTC EVO 4G เป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีคุณสมบัติขั้นเทพเหนือใครในนาทีนี้
ความละเอียดกล้องดิจิตอล กล้องด้านหน้า 1.3 ล้านพิกเซล และด้านหลัง 8 ล้านพิกเซล ใช้ฟีเจอร์สนทนาแบบเห็นหน้าหรือวิดีโอคอลแบรนด์ Qik ผ่านเครือข่าย 3G/WiMAX แต่แอปเปิลใช้ FaceTime ของตัวเองผ่าน Wi-Fi ซึ่งขณะนี้รองรับเฉพาะไอโฟนด้วยกันเท่านั้น
iPhone 4 เหนือกว่า HTC EVO 4G ในเรื่องความละเอียดของหน้าจอแสดงผล (HTC EVO 4G ใช้จอ TFT ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 480×800 พิกเซล) และความหนาของตัวเครื่อง (HTC EVO 4G หนา 12.7 มม.หรือประมาณ 0.5 นิ้ว)

โอกาสแป้ก
แม้จะมียอดขายถล่มทลายและคำการันตีความพิเศษเต็มกระบุง แต่ก็ใช่ว่า iPhone 4 จะไม่มีแววเข้ามุมอับเหมือนคนอื่นๆ ปัญหาหลักของ iPhone4 ที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจในขณะนี้คือปัญหาสัญญาณโทรศัพท์มือถืออ่อนหากผู้ใช้ถือจับโทรศัพท์โดยเอามือไปกดทับขอบโทรศัพท์ในมุมล่างซ้าย ซึ่งบางกรณีทำให้เกิดภาวะสัญญาณอ่อนจนกระทั่งสายหลุด

แอปเปิลชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพราะการแสดงผลความเข้มสัญญาณโทรศัพท์บนหน้าจอผิดพลาด ไม่ใช่เพราะการออกแบบเสาอากาศแบบใหม่ โดยอธิบายว่าสูตรคำนวณทำให้ iPhone 4 แสดงแถบสัญญาณมากกว่าปกติ ทำให้เมื่อความเข้มสัญญาณตกลงไปเล็กน้อย จะดูเหมือนความเข้มสัญญาณลดลงมากผิดปกติ

แอปเปิลยังย้ำด้วยว่าปัญหานี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญของผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือทุกค่าย และยืนยันว่าจะออกซอฟต์แวร์แก้ปัญหาการแสดงผลผิดพลาดนี้ในอนาคต

นอกจากปัญหาสัญญาณโทรศัพท์อ่อน ผู้ใช้ iPhone 4 บางส่วนระบุว่าพบปัญหาเกิดจุดสีเหลืองบนหน้าจอ ขณะที่บางส่วนพบรอยบนกระจกซึ่งแอปเปิลเคลือบไว้ทั้งด้านหน้าและหลังเครื่อง ทั้งหมดยังไม่ได้รับการชี้แจงจากแอปเปิลในขณะนี้