-
โอสถสภา (OSP) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/63 รายได้รวม 6.7 พันล้านบาท เติบโต 5% กำไรสุทธิ 926 ล้านบาท เติบโต 4.2% สวนทางเศรษฐกิจไทยท่ามกลาง COVID-19
-
อานิสงส์กระแสตลาดฟังก์ชันนอลดริ้งก์ สร้างยอดขายเครื่องดื่ม “C-vitt” เติบโต 5.8% ด้านเครื่องดื่มบำรุงกำลัง “M-150” ครองมาร์เก็ตแชร์เพิ่มอีก 1.1%
-
จับโอกาสทำตลาดเจลล้างมือ แอลกอฮอล์ เสริมรายได้กลุ่มของใช้ส่วนตัว
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/63 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งรายได้รวมอยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท เติบโต 5% และกำไรสุทธิ 926 ล้านบาท เติบโต 4.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยบริษัทแจกแจงการเติบโตพบว่า ธุรกิจกลุ่มที่มียอดขายเพิ่มขึ้นคือ “กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม” ทำรายได้ 5.6 พันล้านบาท โต 5.7% มีไฮไลต์ผลิตภัณฑ์ชูโรง ดังนี้
- M-150 มีส่วนแบ่งตลาด 38.3% (เพิ่มขึ้น 1.1% YoY) มาจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ M-150 กระชายดำ
- ผลิตภัณฑ์ “C-vitt” ของบริษัทเติบโต 5.8% (ครองส่วนแบ่งตลาด 31.3% เป็นอันดับ 1) โดยได้อานิสงส์จากการเติบโตของตลาดนี้ในไตรมาสที่ผ่านมาที่สูงถึง 16.1%
ด้าน “กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล” ทำรายได้ 617 ล้านบาท หดตัวลง -4.8% ส่วนใหญ่เกิดจากดีมานด์ในต่างประเทศลดลง อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดภายในประเทศพบว่าผู้บริโภคใส่ใจความสะอาดมากขึ้นหลังเกิดไวรัส COVID-19 ระบาดช่วงเดือนมีนาคม ทำให้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของโอสถสภา เช่น เบบี้มายด์ มียอดขายเพิ่มขึ้นในไทย รวมถึงบริษัทมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค เช่น สเปรย์แอลกอฮอล์ เจลล้างมือแอลกอฮอล์ ภายใต้แบรนด์ โอเล่ และ เบบี้มายด์
ก่อนหน้านี้บริษัทเอเจนซี่ คันทาร์ อินไซต์ ประเทศไทย ประเมินว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่มทั้งที่มีและไม่มีแอลกอฮอล์จะได้รับผลกระทบบ้าง เนื่องจากการปิดสถานที่ต่างๆ ในประเทศ อย่างไรก็ตาม หากเป็นกลุ่ม “เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ” กลับจะได้ผลเชิงบวก เพราะผู้บริโภคต้องการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย (อ่านเพิ่มเติม : อานิสงส์ COVID-19 สินค้าเหล่านี้อาจขายดีกันไปยาวๆ แม้หมดโรคระบาด)