การระบาดของไวรัส COVID-19 คือพายุลูกใหญ่ที่ซัดสาดธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมทุกแห่ง ไม่เว้นแม้แต่เครือ “ศรีพันวา” ที่พักระดับลักชัวรีของเมืองไทย จากฤดูขายของรีสอร์ตกลายเป็นความเงียบเหงา แต่ “ปลาวาฬ-วรสิทธิ อิสสระ” บอสใหญ่ของเครือยังมองบวก การท่องเที่ยวประเทศไทยจะฟื้นทันทีที่รัฐปลดล็อก ปั้นคอนเทนต์การตลาดผ่าน “อินฟลูเอนเซอร์” ถ่ายภาพไลฟ์สไตล์กักตัวลงไอจีสร้างกระแส
ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมไทยเริ่มมีผลกระทบตั้งแต่มีข่าวค้นพบผู้ติดเชื้อในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อปลายเดือนมกราคม ก่อนที่สถานการณ์จะยิ่งร้ายแรงขึ้นจนในที่สุดรัฐบาลไทยตัดสินใจปิดสนามบิน งดเข้าออกประเทศ มาตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 63 และยิ่งกระทบเครือศรีพันวามากขึ้น เมื่อวันที่ 4 เมษายน 63 ทั้งจังหวัดภูเก็ต พังงา และประจวบคีรีขันธ์ สั่งปิดโรงแรมทั้งหมด (ยกเว้นมีแขกที่พักอยู่ก่อนแล้วสามารถบริการต่อได้จนกว่าแขกจะเช็กเอาต์)
เป็นเวลามากกว่า 1 เดือนที่โรงแรมแทบจะปิด 100% Positioning ได้พูดคุยกับ “ปลาวาฬ-วรสิทธิ อิสสระ” ประธานกรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด, กรรมการผู้จัดการ ศรีพันวา และ บาบา บีช คลับ ถึงผลกระทบที่ได้รับ และวิสัยทัศน์อนาคตการท่องเที่ยวไทยเมื่อ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย
จากห้องเต็มกลายเป็นต้องปิดโรงแรม
วรสิทธิฉายภาพก่อนว่าปกติโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต, บาบา บีช คลับ ภูเก็ต และ บาบา บีช คลับ หัวหิน จะมีหน้าไฮซีซันที่สุดของปีคือช่วงเดือนมกราคม-เมษายน เพราะเป็นช่วงปีใหม่ ตรุษจีน วาเลนไทน์ ปิดเทอม และสงกรานต์ ยาวติดต่อกัน ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาก่อนถึงเทศกาลตรุษจีนโรงแรมมีแขกคึกคักมาก ยิ่งบาบา บีช คลับ ภูเก็ต มีแขกพักเต็มเพราะจัดเทศกาลดนตรี Circoloco ติดกัน 2 สัปดาห์
“ตอนข่าว COVID-19 ออกมาก่อนหยุดตรุษจีนแค่ 2 วัน มีข่าวแบนการเดินทางจากจีน เรายังสงสัยเลยว่าไวรัสนี้จริงเหรอ เป็นไปได้เหรอ” วรสิทธิกล่าว
แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นชาวจีนซึ่งคิดเป็นลูกค้า 30% ของเครือศรีพันวาทยอยแจ้งขอยกเลิกห้องพัก หรือเลื่อนการจองออกไป รวมถึงอีเวนต์ทั้งงานแต่งงาน ทริปบริษัท ฯลฯ ทยอยเลื่อนเช่นกัน ปัจจุบันทั้ง 60 งานอีเวนต์ที่จองไว้เลื่อนออกไปทั้งหมด
ช่วงนั้นศรีพันวาปรับตัว พยายามโปรโมตดึงคนไทยและต่างชาติอื่นๆ เข้ามาแทน ถึงขนาดจัดแพ็กเกจพิเศษแถม “เบียร์โคโรนา” ในห้องพักและทุกมื้ออาหาร “ตอนนั้นเราโดนด่าเลยว่าเล่นประเด็นอ่อนไหว แต่ผมก็คิดว่าเราทำเพื่อให้ธุรกิจเราอยู่รอด” วรสิทธิกล่าว
สุดท้ายจากสถานการณ์ระดับโลกที่ยั้งไม่ไหว อัตราเข้าพักจึงลดลงจากปกติ 90% เหลือ 30% เท่านั้นในเดือนมีนาคม จนถึงขณะนี้ยังมีแขกพักอยู่ราว 20 กว่าคนเท่านั้น
ไม่ปลดพนักงาน แต่จำต้องลดวันทำงาน
“ช่วงที่สถานการณ์เริ่มแย่ลง ไม่กี่วันก่อนมีข่าวสั่งปิดโรงแรม พนักงานหลายคนในโรงแรมเราพานิกมาก เพราะทุกคนมีภาระ มีผ่อนบ้านผ่อนรถ เราต้องคุยกับแต่ละทีมว่าจะทำอย่างไร จะช่วยกันลดเงินเดือนได้กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ผมบอกเลยว่าผมจะไม่เลย์ออฟใคร ถ้าทีมไหนต้องการเลย์ออฟคนให้คิดแผนเองว่าจะบอกกับเขาอย่างไร” วรสิทธิกล่าว
ผลสุดท้ายคือพนักงานบางส่วนจำต้องลาโดยไม่รับค่าจ้าง (leave without pay) ไปตลอดเดือน และบางส่วนที่ยังอยู่บนเกาะภูเก็ตจะสลับกันเข้างาน 7-10 วันต่อเดือน ทีมนี้เป็นผู้ดูแลแขกที่ยังพักอยู่และซ่อมบำรุงที่พัก
“ผมขอบคุณมากที่ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ บางคนถึงขนาดอาสาที่จะลาออกไปก่อนเพื่อช่วยบริษัท เพราะเขารู้ว่าถ้าบริษัทดีขึ้นเขาจะได้กลับมา”
วรสิทธิกล่าวด้วยว่า ในเรื่องร้ายยังมีเรื่องดีคือก่อนหน้านี้เขาปลุกปั้นกับการ “ยกเครื่อง” โรงแรมมานานร่วมปีแล้ว เนื่องจากโรงแรมถึงจุดอิ่มตัว ติดลมบนในตลาด ทำให้บริการหละหลวมและเริ่มคุมค่าใช้จ่ายไม่ได้
ทำให้ก่อนหน้าการเกิดโรคระบาดเพียง 2 สัปดาห์ โรงแรมเพิ่งปลดพนักงานที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือฟรีซตำแหน่งบางจุดไป รวมถึงลงรายละเอียดการประเมินค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม ทำให้แม้จะ “เลือดไหล” แต่ไม่ถึงกับ “เลือดท่วม” รวมถึงเป็นวิกฤตที่ทำให้พนักงานตื่นตัวมากขึ้น
“ย้อนกลับไปก่อนปี 2562 เราสบายมา 6 ปีแล้วเพราะเราได้ตลาดจีน เราไม่ต้องทำอะไรเลยเขาก็มา เราเหมือนเสือนอนกิน เหมือนแม่ทัพที่ไม่เคยออกรบ ทีมเราเริ่มประมาทว่าแขกเยอะ รายได้เยอะ” วรสิทธิกล่าวถึงสาเหตุที่ต้องขันน็อตกันใหม่มาตั้งแต่ปี 2562 “พอเจอวิกฤตไวรัสก็เลยเหมือนเราได้เตรียมตัวมาพักหนึ่งแล้ว”
ทำการตลาดรอวันกลับมาบูม
ส่วนสถานการณ์โรงแรมปิดขณะนี้ วรสิทธิกล่าวว่าเขาได้เชิญเพื่อนๆ คนดัง-อินฟลูเอนเซอร์ จากต่างประเทศมาพักในฐานะ “แขก” ตั้งแต่ก่อนปิดประเทศ ให้มาพัก “กักตัว” แบบสุดคูลในรีสอร์ตประเทศไทย ดีกว่าติดอยู่ในบ้านของตัวเองที่ต่างประเทศ อย่างน้อยที่นี่มีกิจกรรมให้ทำ มีวิวสวยๆ ให้ถ่ายรูปเป็นคอนเทนต์ มีร้านอาหาร มีเพื่อนที่กักตัวด้วยกัน
อินฟลูเอนเซอร์ตอบรับคำเชิญของเขา 20 กว่าชีวิต โดยมีเงื่อนไขคือทุกคนต้องกักตัวเองก่อนเดินทางมา 14 วัน และระหว่างอยู่ที่นี่ขอความร่วมมือไม่ไปในพื้นที่เสี่ยง
ส่วนสิ่งที่ศรีพันวาได้คือ คอนเทนต์การตลาด อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้มีผู้ติดตามตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้านคน ระหว่างอาศัยอยู่ในศรีพันวา พวกเขาจะถ่ายทอดภาพสวยๆ และชีวิตคุณภาพระหว่างกักตัวที่โรงแรมในประเทศไทยออกไป
“มันคือการสร้าง awareness พอประเทศเราเปิด จะมีคนที่ติดตามคนกลุ่มนี้บินมาอยู่กับเราเพิ่ม” วรสิทธิกล่าว
ขอมองในแง่บวก…มั่นใจนักท่องเที่ยวจะกลับมา
สำหรับแนวโน้มอนาคต วรสิทธิมองว่าประเทศไทยรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีมาก ระบบสาธารณสุขที่ดี มีผู้เสียชีวิตไม่มาก เชื่อว่าจะทำให้การท่องเที่ยวกลับมาได้เร็ว
“อันดับแรกเลยคือคนไทย ไทยเที่ยวไทยมาชัวร์ๆ เพราะความเบื่อชนะความกลัว ถ้าเปิดให้เดินทางเมื่อไหร่คนจะออกไปเที่ยวกันเลย จริงๆ ตอนนี้เริ่มบ้างแล้ว เพราะคนที่มีบ้านพักตากอากาศที่เชียงใหม่ หัวหิน เขาใหญ่ มีการเดินทางไปพักต่างจังหวัด”
ไทยเที่ยวไทยมาชัวร์ๆ เพราะความเบื่อชนะความกลัว
อันดับสองคือ คนจีน แต่มองว่าอาจจะไม่มากเท่าในอดีต เพราะตั้งแต่ปี 2562 จีนมีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศอยู่แล้ว ยิ่งต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจหลัง COVID-19 นโยบายนี้น่าจะเข้มข้นขึ้น
ส่วนกลุ่มเป้าหมาย ชาวยุโรปและอเมริกัน ซึ่งเป็นทาร์เก็ตของบาบา บีช คลับ ภูเก็ต วรสิทธิยืนยันว่าจะยังเน้นความเป็น Music Destination เช่นเดิม เพราะกรุยทางดึงเทศกาลดนตรี Circoloco มาจัดจนติดตลาดไปแล้ว เชื่อว่าช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าน่าจะจัดได้ใหม่
View this post on Instagram
“ปกตินักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะไปเที่ยวชายหาดเมดิเตอร์เรเนียน ไปปาร์ตี้ที่อิบิซ่า ช่วงเดือนเมษายน-กันยายนจะคึกคักมาก แต่มาเจอ COVID-19 งานดนตรีงดทั้งหมด ดังนั้นเขาจะอัดอั้นมาก เป็นโอกาสของเรา พอทางยุโรปเข้าหน้าหนาว เขาจะมาที่เราทันที”
ด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยว เขาเชื่อว่าอนาคตภาครัฐและสายการบินจะมีมาตรการเข้มงวดตั้งแต่ต้นทาง เช่น มีมาตรการตรวจค้นหาเชื้อไวรัส COVID-19 ก่อนขึ้นบินหรือก่อนเข้าประเทศ ทำให้คนที่เข้ามาต้องปลอดเชื้อเท่านั้น
ส่วนมาตรการในศรีพันวาเอง เนื่องจากที่พักเป็นวิลล่า และมีอาณาบริเวณกว้าง ทำให้ความหนาแน่นของแขกต่ำอยู่แล้ว จะมีที่ต้องปรับคือไลน์บุฟเฟต์อาหารเช้าเปลี่ยนเป็นแบบสั่งโดยตรง กับพนักงานทั้งหมด และพนักงานจะต้องสวมหน้ากากอนามัยให้บริการ
เพื่อต้อนรับการท่องเที่ยวที่จะกลับมา วรสิทธิแย้มว่ากำลังจัดแพ็กเกจโปรโมชัน ซื้อโควตาห้องพัก 10 คืน หรือ 20 คืนในราคาพิเศษ เหมาะสำหรับมากักตัวในรีสอร์ต หรือจะทยอยใช้ครั้งละ 3-5 คืนก็ได้ ไม่มีวันหมดอายุ
โดยรวมแล้ว เอ็มดีเจ้าของอาณาจักรศรีพันวามองว่า ปีนี้หากโรงแรมมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีที่ 50% ถือว่าเก่งมากแล้ว จากเป้าเดิมที่วางไว้ 70%
พร้อมฝากถึง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ควรใช้โอกาสที่การท่องเที่ยวซบเซานี้ ปรับการตลาดของท่องเที่ยวไทยใหม่ให้เจาะกลุ่มพรีเมียมมากขึ้น ช่วยให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามามีคุณภาพ เม็ดเงินตกอยู่กับคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง
“อยากให้โปรโมตประเทศให้ดีกว่านี้ การทำออนไลน์มาร์เก็ตติ้งยังไม่ดีพอ สื่อที่ใช้ยังเชยๆ อยู่ อยากให้มีคนรุ่นใหม่มาช่วยคิด และควรจะปรับ position ตัวเองไปเจาะกลุ่มพรีเมียมด้วย ทัวร์ศูนย์เหรียญเราไม่ควรจะมีอีกแล้ว” วรสิทธิกล่าวปิดท้าย