ทุกคืนวันอังคาร ตอนประมาณ 5 ทุ่ม แม้จะเริ่มดึก แต่เรตติ้งในช่วงนั้นกลับแข่งกันอย่างดุเดือดระหว่างช่อง 3 และช่อง 7 ที่เป็นการประชันกันระหว่าง ตีสิบ รายการวาไรตี้ของวิทวัส สุนทรวิเนตร ที่ว่ากันกุมเรตติ้งส่วนใหญ่ไว้ในมือจนไม่มีรายการใดกล้าชนมากนัก กับชิงร้อยชิงล้าน รายการตายยากของเวิร์คพอยท์ ที่อยู่มานานเกิน 10 ปี
หลายคนอาจสลับช่องไปมาในระหว่างโฆษณา เพื่อติดตามทั้งสองรายการที่มีความน่าสนใจ ความสนุกสนานไม่แพ้กัน แต่เมื่อเป็นช่วงของแก๊งสามช่า ที่ประกอบด้วย หม่ำ เท่ง โหน่ง แล้วล่ะก็ หน้าจอส่วนใหญ่แช่ไว้กับเสียงหัวเราะที่ได้รับจากพวกเขาอย่างเต็มที่ จนปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือหมัดเด็ดของรายการชิงร้อยชิงล้าน ที่ยังคงทำให้เรตติ้งรายการอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาโดยตลอด
สามช่าจึงไม่ใช่แค่ดาราตลกที่เป็นส่วนประกอบของรายการชิงร้อยชิงล้านเท่านั้น พวกเขากลายเป็นแบรนด์ตลกที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน เข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัย พัฒนาการจนเป็น Asset ที่มีค่าและสำคัญที่สุดของเวิร์คพอยท์
ศักยภาพของพวกเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในจอโทรทัศน์อีกต่อไป ต่อยอดไปเป็นภาพยนตร์ พ็อกเกตบุ๊ก และล่าสุดกับการนำพลังความสนุกอันเหลือเฟือมาทำหน้าที่ Entertainer ให้กับแบรนด์สินค้าต่างๆ ผ่านกิจกรรมในรูปแบบคอนเสิร์ตออนทัวร์ทั่วประเทศ
แต่กว่าจะประสบความสำเร็จเป็น “ตลกเงินล้าน” ที่ใครต่างอิจฉา
ทั้งแก๊งสามช่า และเวิร์คพอยท์ ต้องใช้เวลาสั่งสมชื่อเสียง พิสูจน์ตัวเองเกือบ 10 ปี จากเรตติ้งรายการชิงร้อยชิงล้านซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6.2 ซึ่งสามารถเรียกสปอนเซอร์ได้อย่างล้นหลาม และยังคงอยู่ได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง แม้จะต้องย้ายช่องไปมาถึงสองสามครั้งก็ตาม
ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแก๊งสามช่า ทั้งฝ่ายการผลิตรายการ และการตลาด ได้มาร่วมเปิดเผย “เคล็ดลับ” ของแก๊งสามช่า ที่ทำให้พวกเขาสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากคนไทยมาได้อย่างยาวนานถึง 12 ปี
ปั้นแบรนด์ตามสัญชาตญาณ
แม้จะดูเหมือนไร้ทิศทางในตอนแรก แต่แบรนด์สามช่าก็ถูกปลุกปั้น และค่อยตีกรอบความฮา ตามตัวตนของแต่ละคนภายใต้การดูแลของ พาณิชย์ สดสี อดีตโปรดิวเซอร์รายการชิงร้อยชิงล้านในยุคเริ่มแรก ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ จำกัด (มหาชน) ที่ทำหน้าที่ควบคุมการผลิตทุกรายการของเวิร์คพอยท์
พาณิชย์ได้เผยเคล็ดลับการปั้นแบรนด์สามช่าอย่างหนึ่ง ที่หากใครต้องการเดินตามรอยทางความสำเร็จก็คงเป็นไปได้ยาก
เพราะเคล็ดลับของเขา คือ “สัญชาตญาณ”
พื้นฐานดั้งเดิมจากวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่สร้างคนให้กลายเป็นศิลปิน ไม่ใช่นักการตลาด ทำให้เขาไม่เข้าใจในเรื่องการสร้างแบรนด์ หรือหลักการตลาดที่สามารถนำมาปรับใช้กับตัวบุคคล เพื่อสร้างคาแร็กเตอร์ให้เกิดขึ้นได้แม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เขาคาดหวังทุกครั้งในการทำงาน คือ การทำรายการออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุด และตัดสินใจตามสัญชาตญาณว่าอะไรควร ไม่ควร องค์ประกอบไหนจะสร้างความดัง แล้วปัจจัยอะไรที่ควรควบคุม หรือควรหลีกเลี่ยง
“เริ่มแรก ไม่เคยคิดว่าจะสร้างแบรนด์ด้วย ไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะผมเป็นแค่ Creative Director ที่ทำรายการโทรทัศน์ อาศัยสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว ผมไม่ได้คิดว่าจะทำแบรนด์สินค้า แค่คิดอยากจะทำรายการทีวีที่ดีกับคนดู ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้”
เมื่อทำรายการนานเข้า พาณิชย์ ทีมงาน และแม้กระทั่งองค์กร ก็ค่อยๆ เกิดการเรียนรู้ถึง Positioning ของแก๊งสามช่าแบบไม่รู้ตัว
หม่ำ คือ ตลกดาวค้างฟ้า เปรียบได้กับเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ของวงการตลก
โหน่ง คือ ตลกซูเปอร์สตาร์ ที่แค่เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาก็สามารถเรียกรอยยิ้มได้
ขณะที่เท่ง คือ ตลกอัจฉริยะ มีลูกล่อลูกชนในการต่อมุก ที่สร้างเสียงฮาได้ตลอดเวลา
เขาเปรียบเทียบว่าเป็นความรู้ที่เริ่มตั้งแต่ชั้นประถมและค่อยๆ ขยับขึ้นไปทีละขั้นจนถึงมหาวิทยาลัย ก่อเกิดการพัฒนาเป็นโมเดลผสมผสานระหว่างรายการ ทีมงาน ฉาก พร็อพ เสื้อผ้า และแก๊งสามช่า พร้อมๆ กับการรับฟังเสียงจากทางฝ่ายขาย และฝ่ายการตลาด โดยนำเรตติ้ง และกระแส เข้ามาเป็นเครื่องวัดความนิยมอีกทางหนึ่ง
จนกลายเป็นสูตรสำเร็จที่สร้างให้แบรนด์สามช่าโดดเด่น และแข็งแกร่งที่สุดในวงการตลกปัจจุบัน
“เราทำงานกันมาจนรู้ไส้รู้พุง และรู้ว่าอะไรจะช่วยให้พวกเขาสร้างสรรค์มุกออกมาได้แบบสดใหม่เรื่อยๆ ฉากที่อลังการ พร็อพต่างๆ ที่วางไว้ รวมทั้งเสื้อผ้า ทั้งหมดเป็นองค์ประกอบสำคัญทำให้มุกพวกเขาไม่ตัน สามารถหยิบองค์ประกอบเหล่านี้มาเล่นได้หลากหลายมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบที่ไร้ชีวิตก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอ เพื่อบริหารให้แบรนด์สามช่ายังคงความมีชีวิตชีวา และมีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลกหน้าใหม่ ส้มเช้ง ตุ๊กกี้ และพัน จึงถูกคัดเลือกให้ช่วยเข้ามาเติมเต็มมุกตลก เรียกเสียงหัวเราะให้ดังกว่าเดิม
“นักแสดงใหม่ๆ ยังเข้ามาช่วยให้หม่ำ เท่ง โหน่ง ยังคงมีความสดใหม่ทางการแสดง เพราะเขาจะมีวัตถุดิบใหม่ๆ มาให้ต่อมุกเรื่อยๆ คนเล่นก็จะคิดต่อกันได้ ทำให้ไม่เหมือนเดิม”
พาณิชย์ยังคงยืนยันอย่างเดิมว่า เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะมองหาคาแรคเตอร์ไหนเป็นพิเศษของสมาชิกหน้าใหม่ในแก๊งสามช่า ทุกอย่างไม่มีการวางแผน เพียงแต่ว่าต้องการคนที่มี “เคมี” ตรงกับหม่ำ เท่ง โหน่ง เท่านั้น
และใช้สัญชาตญาณเป็นตัวตัดสินว่าคนนี้เหมาะหรือไม่
ดูเหมือนว่า สัญชาตญาณของพาณิชย์ยังใช้การได้เป็นอย่างดี เพราะสมาชิกใหม่ล้วนมีคาแร็กเตอร์ที่โดดเด่น เล่นเข้าขากันกับแก๊งสามช่าเดิมเหมือนทำงานมาเป็นสิบปี และยังดังไม่แพ้แก๊งสามช่ารุ่นเดิม โดยเฉพาะตุ๊กกี้ ที่ตอนนี้เป็นพิธีกรให้กับรายการในเวิร์คพอยท์ทั้งหมด 6 รายการ
ขณะที่เวิร์คพอยท์ต้องบริหาร Asset ที่มีมูลค่าเหล่านี้ ด้วยการป้อนงานให้อย่างต่อเนื่อง แต่ละคนมีงานพิธีกรประจำไม่ต่ำกว่า 4 รายการต่อคน และได้ต่อยอดไปยังธุรกิจบันเทิงอื่นๆ ทั้งพ็อกเกตบุ๊ก ภาพยนตร์ หรือพรีเซ็นเตอร์โฆษณา นั่นหมายถึงการที่แต่ละคนจะมีรายได้ประจำต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ ตามดีกรีความดังและความสามารถของแต่ะละคน
ทำให้พาณิชย์บอกว่า ทุกวันนี้สัญญาระหว่างเวิร์คพอยท์กับแก๊งสามช่าทุกคนแทบไม่มีความหมายใดๆ โดยเฉพาะกับหม่ำที่ได้กลายเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนบริษัทไปแล้ว ส่วนเท่ง ก็กำลังก้าวเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เป็นเส้นทางการเติบโตของแก๊ง 3 ช่า และการบริหาร Asset เหล่านี้ให้ยังคงอยู่ต่อไป
และแน่นอนว่า ยังไงเวิร์คพอยท์ก็คงไม่กล้าที่จะละเลย Asset นี้ ที่ไม่ใช่แค่มีความสำคัญกับรายการชิงร้อยชิงล้านอย่างแยกกันไม่ได้ แต่เป็น Asset ที่มีมูลค่าประเมินมิได้สำหรับองค์กรแห่งนี้
ต่อยอดมหกรรมความฮา
ตามความเห็นของพาณิชย์ แก๊งสามช่า คือ วัฒนธรรมการรับชมโทรทัศน์อย่างหนึ่งของคนไทย
นี่แสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างผู้ชมทั่วประเทศ กับแก๊งสามช่า ผ่านรายการชิงร้อยชิงล้าน ที่แน่นแฟ้นเกินกว่าจะคาดได้
นอกจากแก๊งสามช่าจะเป็นที่รู้จัก เป็นที่รักของคนดูทั่วประเทศแล้ว ยังไม่มีใครปฏิเสธในตัวพวกเขาอีกด้วย จากการตระเวนมอบแจกทองกับมาม่า ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งของรายการชิงร้อยชิงล้านได้ช่วยพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี พาณิชย์เล่าให้ฟังว่าไม่ว่าแก๊งสามช่าไปที่ไหนก็ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม
และทำให้พาณิชย์มั่นใจในศักยภาพของสามช่ามากขึ้น และนำมาต่อยอดไปยังธุรกิจบันเทิงอื่นๆ โดยเฉพาะภาพยนตร์ ที่ปีหนึ่งแต่ละคนรับแสดงไม่เกิน 2 เรื่อง เพราะไม่อยากให้ช้ำเกินไปซึ่งอาจทำให้ตัวนักแสดงไม่มีที่ในจอภาพยนตร์อีกเลย โดยหากมีหม่ำ เท่ง โหน่ง ร่วมแสดงด้วยล่ะก็ การันตีรายได้ได้เลยว่าไม่มีทางต่ำกว่า 50 ล้านแน่นอน
แต่ล่าสุด ศักยภาพของแก๊งสามช่ากำลังเป็นที่ต้องการของแบรนด์สินค้า ที่พากันต่อแถวใช้บริการสร้างมหกรรมความฮาให้เกิดขึ้นกับแบรนด์ของตัวเอง ผ่านการจัดกิจกรรมคอนเสิร์ต
เริ่มต้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาด้วยคอนเสิร์ตของอายิโนะโมะโต๊ะ ที่ได้ปรับการสื่อสารสินค้าผงชูรสใหม่ด้วยการให้ความรู้ผู้บริโภคเกี่ยวกับรสชาติ “อูมามิ” ซึ่งเป็นหนึ่งในรสพื้นฐานของอาหาร โดยคอนเสิร์ตมีชื่อว่า “อูมามิ มันส์ยกโต๊ะ” ตามมาติดๆ ด้วย มหกรรมคอนเสิร์ต “ปูนตราดอกบัว ฮาพาเจริญ” ซึ่งแก๊งสามช่าจะทำหน้าที่ขอบคุณลูกค้า ไปพร้อมๆ กับสร้างแบรนด์ปูนตราดอกบัวให้เป็นที่รู้จักในต่างจังหวัด
วิชนี ศรีสวัสดิ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นที่ตอนนี้มีหลายแบรนด์ให้ความสนใจดึงตัวแก๊งสามช่าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนการตลาด โปรโมตสินค้าด้วยการจัดงานอีเวนต์ออนทัวร์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในต่างจังหวัดว่า
เพราะจุดเด่นสำคัญของแก๊งสามช่า ที่เป็นที่รู้จักในทุกแวดวง สามารถเข้าถึงได้ง่ายและเชื่อใจ เหมือนเป็นคนที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นตัวแทนคนธรรมดาเหมือนคนทั่วไป ซึ่งเมื่อแก๊งสามช่าคุย หรือสื่ออะไรออกไปก็อยากจะรับฟัง และให้ความสนใจ
ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า แบรนด์สินค้าที่ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคในวงกว้าง หรือ Mass Communication จะเลือกแก๊งสามช่าเป็น Brand Ambassador ของสินค้าหรือแบรนด์นั้นๆ ประกอบกับรายการของเวิร์คพอยท์ ที่มีออกฉายในทุกช่องและเกือบทุกช่วงเวลาทั้วเวลาปกติ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในฟรีทีวี ซึ่งแก๊งสามช่าได้ปรากฎตัวในทุกๆ รายการของเวิร์คพอยท์ ซึ่งจุดนี้จะเป็นสิ่งที่ Remind ผู้บริโภคทั่วไปให้นึกถึงแบรนด์สินค้านั้นๆ อีกด้วย
ส่วนพาณิชย์ก็มองไม่ต่างจากวิชนี โดยให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ความคุ้นเคย ความใกล้ชิดสนิทสนมที่แก๊งสามช่ามีต่อคนดู ที่ต้องรอดูรายการชิงร้อยชิงล้านทุกวันอังคาร สี่ทุ่ม ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงคนดูได้ง่าย
ขณะเดียวกัน ในส่วนของการสื่อสารแบรนด์ระหว่างการจัดกิจกรรมก็เป็นไปได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับคอนเสิร์ต ที่หากแบรนด์เข้าไปอยู่ในเนื้อเพลงตลอดเวลา คงทำให้เนียนได้ยาก ในทางกลับกันตลกทำได้แนบเนียนกว่าเยอะ ท่าทางทีเล่นทีจริงของพวกเขา การพูดถึงสินค้าก็จะผสมผสานไปกับการเล่น การแหย่ โดยที่ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดแม้แต่น้อย
ทำไมต้องแก๊งสามช่า
นอกจากความสามารถในการเชื่อมโยงแบรนด์ กับสินค้าได้อย่างไม่มีติดขัด ซึ่งทำให้คนดูไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด มากจนต้องปฏิเสธแบรนด์ในใจ แต่แก๊งสามช่ากำลังเป็นตัวเลือกสำคัญจากแบรนด์สินค้าที่จ้างพวกเขาไปเป็น Entertainer ในอีเวนต์ใหญ่ตามต่างจังหวัด โดยไม่ต้องซ้อมให้ดูก่อนเริ่มตระเวนการแสดง เพียงแค่สรุปคอนเซ็ปต์การแสดง และรายละเอียดกิจกรรมให้ลงตัวเท่านั้น
เพราะแบรนด์ได้แสดงความมั่นใจในตัวแก๊งสามช่าออกมา ตั้งแต่เมื่อตัดสินใจเลือกพวกเขาทำหน้าที่สื่อสารให้กับแบรนด์แล้ว
สมชาย ลาภพิเชฐ ผู้อำนวยการการขาย-การตลาด บริษัท ปูนซีเมนต์เอเชีย จำกัด (มหาชน) ได้อธิบายกระบวนการทำงานที่เกิดขึ้นหลังจากตัดสินใจเลือกแก๊งสามช่า มาช่วยสร้างจุดเด่นของแบรนด์ผ่าน Entertainmet Marketing
เพราะไม่อยากทำการตลาดเหมือนกับแบรนด์ปูนอื่นๆ ที่มักเน้นไปที่การให้ความรู้แก่ผู้รับเหมา และช่างปูน ซึ่งสมชายมองว่า ไม่ต่างจากการสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ Entertainment Marketing จึงเป็นหนทางในการสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ท่ามกลางการตื่นตัวสร้างแบรนด์และทำตลาดธุรกิจปูนซีเมนต์
เพราะในตลาดต่างจังหวัดผู้บริโภคมักเลือกซื้อปูนซีเมนต์จากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก ซึ่งตรงกันข้ามกับตลาดในกรุงเทพฯ ที่เน้นราคาเป็นหลัก เนื่องจากแบรนด์ที่รู้จักหมายถึงความมั่นใจ
ก่อนจะมาลงตัวกับแก๊งสามช่า ที่สมชายบอกว่า เป็นตลกมีคลาส และมุกของพวกเขาเรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน
ทุกคนที่สมชายได้กล่าวถึงครอบคลุมกลุ่มเอเย่นต์ ร้านจำหน่ายปูน ช่างปูน ตลอดจนประชาชนทั่วไปใน 4 จังหวัดที่ได้จัดงาน ประกอบด้วย จันทบุรี เชียงใหม่ พิษณุโลก และสุพรรณบุรี โดยจุดประสงค์สำคัญแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ มุ่งขอบคุณกลุ่มเอเย่นต์ ร้านค้าปลีกย่อย และช่างปูน รวมทั้งขยายการรับรู้และความนิยมในปูนตราดอกบัวให้กว้างขวางในกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งความสนุกสนานจะช่วยเพิ่มความใกล้ชิด เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และสร้างการรับรู้จดจำจุดเด่นของปูนตราดอกบัว เพื่อสนับสนุนการสร้างยอดขายได้ง่ายยิ่งขึ้น
อีเวนต์บ้านนอก…ห้ามมองข้าม
พลังของ Music Marketing ในต่างจังหวัด ช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับแบรนด์ที่รู้จักใช้มาอย่างยาวนาน ตัวอย่างเช่น M-150 ที่จัดคอนเสิร์ตทั่วประเทศตลอด 365 วันในหนึ่งปี และเป็นส่วนหนึ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ M-150 ในตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะวงดนตรีร็อก ทั้งบิ๊กแอส บอดี้แสลม ล้วนผนึกเป้าหมายกลุ่มวัยรุ่น และวัยเริ่มต้นทำงานให้เกิดเข้างานกันอย่างคึกคัก
วงดนตรีนกน้อย อุไรพร หมอลำอันดับหนึ่ง และ เอกชัย ศรีวิชัย ที่ทุกงานบุญในภาคใต้จะขาดไปไม่ได้ นอกจากเงินค่าจ้างแล้ว รายได้หลักอีกทางยังมาจากสปอนเซอร์ที่พร้อมยอมจ่ายเงิน เพื่อโฆษณาสินค้าของตัวเองในคอนเสิร์ต ยังไม่นับรวมกับค่ายเพลงลูกทุ่งอาร์สยามในเครืออาร์เอส ที่มีรายได้หลักก็มาจากสปอนเซอร์เช่นกัน
ส่วนรูปแบบตลกปนคอนเสิร์ต เพิ่งมาฮิตไม่นาน โดยมี “โปงลางสะออน” เป็นผู้เปิดตลาด ถึงแม้จะเป็นวงดนตรีรูปแบบอีสาน แต่ความฮาจากดาราชูโรง อี๊ด ลาล่า และลูลู่ กลับสามารถทำให้โปงลางสะออนได้รับความนิยมทั่วประเทศ
และล่าสุดกับ “แก๊งสามช่า” ที่ถึงไม่ได้ตระเวนอีเวนต์ต่างจังหวัดเป็นงานหลัก แต่ก็กลายเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่แบรนด์กำลังนิยมชมชอบในปัจจุบัน
รายการเวิร์คพอยท์ ทั้งหมด 17 รายการ
หม่ำ มี 5 รายการ แฟกทอรี่ที่รัก / บิ๊กหม่ำ / ชิงร้อยชิงล้าน / ชิงร้อยชิงล้าน…มหัศจรรย์วันหยุด / วงษ์คำเหลา เดอะซีรี่ส์
เท่ง มี 5 รายการ เท่งโหน่งผจญภัย / ระเบิดเถิดเทิง / ชิงร้อยชิงล้าน / ชิงร้อยชิงล้าน…มหัศจรรย์วันหยุด / คุณพระช่วย
โหน่ง มี 5 รายการ เท่งโหน่งผจญภัย / ตลก 6 ฉาก / ระเบิดเถิดเทิง / ชิงร้อย ชิงล้าน / ชิงร้อยชิงล้าน…มหัศจรรย์วันหยุด
ตุ๊กกี้ มี 6 รายการ แฟกทอรี่ที่รัก / ตลก 6 ฉาก / ชิงร้อยชิงล้าน / ชิงร้อยชิงล้าน…มหัศจรรย์วันหยุด / ล้วงลับตับแตก / วงษ์คำเหลา เดอะซีรี่ส์
ส้ม มี 4 รายการ ระเบิดเถิดเทิง / ชิงร้อยชิงล้าน / ชิงร้อยชิงล้าน…มหัศจรรย์วันหยุด / ชิงช้าสวรรค์
พัน มี 5 รายการ ตลก 6 ฉาก / ระเบิดเถิดเทิง / ชิงร้อย ชิงล้าน / ชิงร้อยชิงล้าน…มหัศจรรย์วันหยุด / ล้วงลับตับแตก