“ศักดิ์สยาม” ประชุม “รถไฟไทย-จีน” บรรลุข้อตกลงสัญญา 2.3 เงื่อนไขซื้อระบบรถไฟความเร็วสูงจีน วงเงิน 5.06 หมื่นล. เร่งชง ครม.เชิญนายกฯ ประธานนัดเซ็นสัญญาใน ส.ค.-ก.ย. ยันจ่ายเป็นดอลลาร์ 80% หรือ 4.05 หมื่นล้านบาท ยึดเรต 30.8 บาทต่อ 1 เหรียญ ทยอยจ่ายเป็นงวด 63-68 ส่วนเฟส 2 เชื่อมหนองคาย คาดเสร็จปี 68
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยประชุม คณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน (Joint Committee หรือ JC) ครั้งที่ 28 ผ่านระบบ Video Conference กับ นายนิ่ง จี๋เจ๋อ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน หัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายสาธารณรัฐประชาชนจีน
ผลการเจรจาทั้งสองฝ่ายได้ข้อยุติร่วมกัน ในส่วนของร่างสัญญา 2.3 (สัญญาการวางราง และระบบการเดินรถ ระบบอาณัติสัญญาณ พร้อมขบวนรถ) วงเงิน 50,633.50 ล้านบาท
โดยทั้งสองฝ่ายจะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนภายในของแต่ละฝ่ายเพื่อให้สามารถลงนามในสัญญา 2.3 ได้โดยเร็ว โดยหลังจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ส่งร่างสัญญา ต่ออัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญา คาดว่าจะสรุปร่างสัญญาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินและเงื่อนไข คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน
โดยจะลงนามในสัญญานี้ได้ภายในเดือน ต.ค. 2563 หรือเร่งรัดให้เร็วที่สุดอาจจะภายในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ โดยจะเชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานลงนาม ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศไทย เพื่อให้สามารถเริ่มงานภายในปี 2563 เนื่องจากโครงการล่าช้ามานานจากที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19
ข้อสรุปเงื่อนไขสัญญา 2.3 ในเรื่องสกุลเงิน วงเงิน 50,633.50 ล้านบาท โดยชำระเป็นเงินสกุลดอลลาร์ 80% จำนวน 1,313,895,273 ดอลลาร์ (40,506.8 ล้านบาท) เป็นสกุลบาท 20% หรือ 10,126.5 ล้านบาท
โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน บาทต่อดอลลาร์สหรัฐตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดในช่วงวันที่ 25 เม.ย. 2562 – วันที่ 30 พ.ย. 2562 ที่อัตรา 30.82955 บาทต่อ 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนตัวในขณะนี้เนื่องจากการชำระเงินก็เรื่องระบบสัญญา 2.3 นั้นจะชำระเป็นงวดๆ ซึ่งมีการดำเนินโครงการ 5 ปี (2563-2568) ซึ่งขณะนี้มีเรื่องโรคไวรัส COVID-19 แต่หากสามารถแก้ปัญหาการแพร่ระบาดได้ จะทำให้ค่าเงิน และอัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งในการประชุม ได้กำหนดงวดงานและชำระค่างาน จะต้องพิจารณาในประเด็นนี้ด้วย
“ก่อนหน้านี้ สัญญา 2.3 กำหนดมูลค่าไว้ที่ 53,633 บ้านบาท แต่ไทย-จีนได้มีการเจรจาร่วมกันและได้ปรับลด ค่าระบบราง ระบบไฟฟ้าเครื่องกล ค่าตัวรถไฟฟ้า และค่าฝึกอบรมพนักงาน ทำให้สามารถปรับลดวงเงินลงได้กว่า 3,000 ล้านบาท”
ส่วนการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 29 ฝ่ายไทยได้เสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่ประเทศไทย ในช่วงระยะเวลาไม่เกินเดือนตุลาคม 2563
สำหรับโครงการ โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย)
ระยะที่1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. วงเงิน 179,413 ล้านบาท เริ่มการก่อสร้างงานโยธาเมื่อปี 2561 แล้วเสร็จในปี 2566 (ดำเนินการ 5 ปี)
ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 211,757 ล้านบาท เริ่มดำเนินการในปี 2563 -2568 (ระยะเวลา 5ปี) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ โดยเมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะทำให้การเชื่อมต่อขนส่งทางราง จากกรุงเทพฯ-หนองคาย และเชื่อมไปยัง สปป.ลาวและประเทศจีนตอนใต้ ซึ่งมีประชากรรวมกันหลายร้อยล้านคน มีความสะดวกรวดเร็วในการขนส่งสินค้าและการเดินทาง ด้วยค่าบริการที่ต่ำ