ญี่ปุ่นเปิดบริการ “รถไฟชินคันเซ็น” รุ่นใหม่วิ่งไวกว่าเดิม พร้อมมีแบตสำรองใช้เมื่อแผ่นดินไหว

รถไฟชินคันเซ็นรุ่นใหม่ N700S (photo : Shutterstock)
รถไฟชินคันเซ็น N700S เป็นรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดใช้บริการในญี่ปุ่น โดยทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 360 กม./ชม. พร้อมระบบแบตเตอรี่สำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหว

ชินคันเซ็นรุ่น N700S เริ่มให้บริการเป็นครั้งแรกแล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2020 บนเส้นทาง โทไคโดะ ชินคันเซ็น เชื่อมต่อระหว่างสถานีโตเกียวกับสถานีชินโอซาก้า เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

รถไฟขบวนนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 360 กม./ชม. วัดจากการทดลองเดินรถเมื่อปี 2019 ทำให้ N700S เป็นหนึ่งในรถไฟที่เร็วที่สุดในโลกขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ในการให้บริการจริง จะใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 285 กม./ชม.

การเพิ่มขบวนรถไฟรุ่นใหม่บนเส้นทางสายนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี โดยแต่เดิมตั้งใจจะเปิดตัวเพื่อต้อนรับการแข่งขัน Tokyo Olympics 2020 แต่การแข่งขันไม่มาตามนัดจากโรคระบาด COVID-19 และต้องเลื่อนไปจัดในปี 2021 แทน

ทั้งนี้ เป็นเรื่องบังเอิญที่เส้นทางรถไฟโทไคโดะ ชินคันเซ็นเปิดบริการเป็นครั้งแรกในปี 1964 ปีที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ Olympics เช่นกัน ซึ่งในปีนั้น เส้นทางรถไฟโทไคโดะ ชินคันเซ็นคือเส้นทางรถไฟความเร็วสูงแห่งแรกของโลก

ปรับภายในขบวนใหม่

ภายนอกของรถไฟรุ่น N700S ไม่ได้ดูแตกต่างจากรุ่น N700 และ N700A มากนัก ยกเว้นโลโก้สีทองโดดเด่นของรถไฟ แต่ถ้าสังเกตรายละเอียดดีๆ จะพบว่าตัวจมูกด้านหน้ามีความเป็นเหลี่ยมมุมมากกว่า แก้มจะอวบกว่า และไฟหน้าโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น

ส่วนด้านในรถไฟ เบาะที่นั่งถูกออกแบบใหม่ให้ปรับนอนได้มากขึ้น นั่งสบายขึ้น เหมาะสำหรับการนั่งรถไฟระยะไกล แต่ละที่นั่งมีช่อง USB เสียบชาร์จไฟในตัว

แสงไฟที่ติดตั้งยังดีไซน์ให้แสงนุ่มนวลตามากขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย มีไฟติดบนชั้นวางกระเป๋าเหนือที่นั่งซึ่งจะติดขึ้นทุกครั้งที่จอดสถานี เพื่อเตือนให้ผู้โดยสารไม่ลืมสิ่งของไว้บนรถ และยังมีจุดเก็บกระเป๋าที่ต้องจองล่วงหน้าเพิ่มเติมบนขบวนด้วย

เสริมระบบความปลอดภัย

ตัวขบวนยังปรับระบบกันสั่นได้ดีขึ้น ทำให้นั่งสบายและเงียบกว่าเดิม รวมถึงพัฒนาระบบการเบรกฉุกเฉินให้เบรกได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ รถไฟยังเพิ่มกล้องวงจรปิดจาก 2 ตัว/ตู้ เป็น 6 ตัว/ตู้ อีกด้วย

จุดไฮไลต์สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ N700S มีระบบแบตเตอรีลิเธียม-ไอออนในตัว โดยเป็นขบวนรถไฟแรกของโลกที่ติดตั้งแบตสำรองแบบนี้ ระบบนี้จะทำให้รถไฟยังสามารถเคลื่อนขบวนในระยะสั้นๆ ด้วยความเร็วต่ำลงได้แม้ไฟฟ้าดับ ซึ่งจะมีประโยชน์มากหากเกิดเหตุฉุกเฉินอย่าง “แผ่นดินไหว” แล้วรถไฟบังเอิญไปหยุดอยู่ในจุดเสี่ยง เช่น ในอุโมงค์ บนสะพาน เป็นต้น

วัสดุที่ใช้ในการผลิตยังทำให้การปรับโมเดลตู้รถไฟทำได้อย่างยืดหยุ่นกว่าเดิม และสามารถต่อขบวนได้ยาวขึ้นจากสูงสุด 4 ตู้เป็น 16 ตู้ รวมถึงผลิตได้เร็วขึ้น ซึ่งจะจูงใจลูกค้าผู้ให้บริการรถไฟในต่างประเทศมากขึ้น

“การพัฒนาให้ระบบใต้พื้นรถของ N700S เบาขึ้นและกะทัดรัดขึ้นนั้น ทำให้เราได้สร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมา” มาซายูกิ อุเอโนะ ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายธุรกิจรถไฟหัวกระสุนของบริษัท JR Central กล่าวไว้เมื่อปี 2019 “มาตรฐานใหม่นี้จะช่วยเราได้เมื่อเราขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ”

Source