หลังจากต้องปิดศูนย์การค้าตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมจนถึง 16 พฤษภาคมหรือประมาณ 2 เดือน ‘เมกาบางนา’ (Mega Bangna) ก็ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่ามีคนมาอย่างล้นหลามมาก ดังนั้นเราจะไปพูดคุยกับ นางสาวปพิตชญา สุวรรณดี กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า เมกาบางนา ว่าปัจจัยไหนที่ทำให้ผู้บริโภคถึงมุ่งหน้าสู่เมกาบางนาได้ตั้งแต่วันแรก
ลูกค้ากลับมา 80% หลังปิดไป 2 เดือน 100% เป็นลูกค้าเก่า
หลังจากที่เมกาบางนาเปิดให้บริการมาได้ 1 สัปดาห์เต็ม พบว่าจำนวน Visitation กลับมาประมาณ 80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติก่อนจะมีวิกฤติ COVID-19 ที่เคยเฉลี่ยวันละประมาณ 130,000-150,000 คน หรือราวปีละลูกค้า 50 ล้านคน และในส่วนของร้านค้าทั้ง 652 แบรนด์ ตอนนี้กลับมาเปิดได้ประมาณ 97% โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือนจะกลับมาเปิดได้ 100%
และปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการเร็ว เป็นเพราะลูกค้าคุ้นเคยกับเมกาบางนา โดย 100% ของลูกค้าที่มาเป็นลูกค้าเก่า อีกทั้งลูกค้าหลักของศูนย์การค้าเป็นคนไทยเกือบ 100% ลูกค้าจึงไม่มีความกังวลถึงลูกค้าชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นเพราะมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทางเมกาบางนาลงทุนเพิ่มเป็นหลักล้านบาท ซึ่งเสริมความมั่นใจ
“จากที่ลูกค้าหายไป 80% ตอนนี้กลับมา 80% ที่เหลืออีก 20% เชื่อว่าจะกลับมาหลังจากที่ธุรกิจกลุ่มเอนเตอร์เทนเมนต์ เช่น โรงหนัง, ลานโบว์ลิ่ง และธุรกิจฟิตเนส, เวลล์เนส, โรงเรียน, ลานเด็กเล่น กลับมาเปิดอีกครั้ง ส่วนระยะเวลาที่ต้องปิดเร็วขึ้น 2 ชั่วโมง จาก 4 ทุ่ม เป็น 2 ทุ่ม ก็ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าลดลง”
ลูกค้าใช้จ่าย สูง กว่าตอนไม่มี COVID-19
อีกสิ่งหนึ่งแตกต่างจากช่วงก่อนมี COVID-19 คือ ลูกค้ามาใช้บริการวันธรรมดามากขึ้น จากปกติวันเสาร์-อาทิตย์จะมีลูกค้ามากกว่าวันธรรมดา 40% แต่ปัจจุบันเหลือ 10-20% ซึ่งอาจเป็นเพราะลูกค้าบางคนยัง Work from Home ขณะที่ส่วนของมูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนยังสูงขึ้นอีกด้วย โดยเฉลี่ย 3,000 บาท/คน ซึ่งมองว่า ปัจจัยมากจาก ‘อั้น’ จากช่วงกักตัว เพราะคนกังวลเรื่องรายได้ ไม่กล้าจับจ่าย และต้องยอมรับว่ากลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่แถบบางนาเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ
ดังนั้น มีทั้งร้านที่มียอดขายกลับมา 100% หรือขายได้มากกว่าเดิม แต่ต้องยอมรับว่าบางร้านก็ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร ที่ยังได้รับผลกระทบหนักจากมาตรการ Social Distancing ทำให้ร้านอาหารที่มี 165 ร้านยังไม่สามารถรองรับลูกค้าได้เต็มที่ บางรายรองรับได้เพียง 50%
“ด้วยความที่กลุ่มลูกค้าย่านบางนาค่อนข้างมีกำลังซื้อ ขณะที่ร้านค้าที่อยู่กับเมกาบางนาไม่ได้เป็นแบรนด์ลักชัวรี่ ดังนั้นจึงจับต้องได้ โดยบางร้านก็ขายได้มากกว่าเดิม เช่น อีเกีย ที่สินค้าเหมาะกับช่วงนี้ที่ต้องทำงานที่บ้าน แต่เขาไม่ได้หวังว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ถ้าสถานการณ์กลับเป็นปกติ ยอดขายอาจจะกลับไปเหมือนปกติ”
เพิ่มช่องทาง ‘ออนไลน์’ รับ ‘New Normal’ ในอนาคต
ที่ผ่านมา ทางเมกาบางนาได้ความร่วมมือกับฟู้ดออนไลน์ดีลิเวอรีแพลตฟอร์ม เพื่อให้บริการตั้งแต่ในช่วงที่ศูนย์ปิดชั่วคราว พร้อมทำแคมเปญร่วมกับแกร็บฟู้ด ใช้คะแนนเมกา สไมล์ รีวอร์ดส แลกรับส่วนลด และร่วมกับไลน์แมนทำโปรเจกต์ ‘Mega Eat At Home’ ให้ลูกค้าเลือกสั่งเมนูได้มากกว่า 1 ร้านต่อการสั่งซื้อ 1 ครั้ง นอกจากนี้ อยู่ระหว่างเจรจากับฟู้ดออนไลน์ดีลิเวอรีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางขายและเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น
นอกจากอาหารแล้ว เมกาบางนายังช่วยโปรโมตช่องทางออนไลน์ให้กับร้านค้า อีกทั้งยังมีกลยุทธ์ออมนิแชนแนล โดยมีบริการ Click &Collect โดยลูกค้าเลือกดูและสั่งสินค้าทางออนไลน์ และมารับสินค้าได้ที่จุด Drive Thru เพื่อลดความแออัดภายในร้านค้าได้ด้วย
“รายได้เรามาจากค่าเช่า แต่ถ้าลูกค้าขายของไม่ได้ มันก็กระทบกับเรา ดังนั้นถ้ามีไรที่ช่วยได้เราก็ช่วย เรามีการคุยกัน และในช่วง 2 เดือนที่ห้างปิด เราก็งดเว้นค่าเช่าให้ร้านค้าในศูนย์”
รายได้หาย 20% แต่มั่นใจปีนี้ยังกำไร
เพราะต้องปิดศูนย์การค้าไปเป็นเวลา 2 เดือน รวมถึงได้งดเว้นค่าเช่าร้านค้า แต่ในส่วนของเงินเดือนพนักงาน เมกาบางนายังจ่ายตามปกติ ดังนั้นไม่มีรายได้ แต่ต้นทุนยังอยู่ ส่งผลให้รายได้ทั้งปีของเมกาบางนาอาจหายไปถึง 15-20% แต่มั่นใจว่าภาพรวมทั้งปียังสามารถทำกำไรได้ เพราะตอนนี้ธุรกิจเริ่มกลับมาในสภาวะปกติ แต่จะ 100% เมื่อไหร่คงต้องขึ้นอยู่กับวัคซีน
“เราต้องขอบคุณลูกค้าที่มากันมากมายตั้งแต่วันแรก ซึ่งในกรณีที่เลวร้ายสุดคือมีลูกค้ากลับมาแค่ 50% แต่นี่ดีกว่าที่คาดมาก แต่ลูกค้าจะมั่นใจ มาช้อปปกติ อาจต้องรอรัฐบาลประกาศเฟส 3 และคงขึ้นอยู่กับว่าจะควบคุมโรคและมีวัคซีนเมื่อไหร่ เราถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง”
แผน ‘เมกาซิตี้’ ยังเดินหน้าไม่มีสะดุด
โครงการ ‘เมกาซิตี้’ โปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์รูปแบบ ‘มิกซ์ ยูส’ ครบวงจร ทั้งพื้นที่อยู่อาศัย สำนักงาน โรงเรียน และสวนสาธารณะยังคงเดินหน้า โดยในช่วงที่ต้องปิดศูนย์ 2 เดือนศูนย์การค้าได้ปรับปรุงสถาปัตยกรรมภายในอาคารแล้วเสร็จในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังได้เดินหน้าปรับปรุงภูมิทัศน์ของโซนเมกา ฟู้ดวอล์ค ภายใต้คอนเซ็ปต์ Scandinavian Playground โดยดำเนินการแล้วกว่า 50% คาดเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยรวมทั้ง 2 โครงการใช้เงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้สร้างอาคารจอดรถใหม่จำนวน 8 ชั้น เพิ่มที่จอดรถมากกว่า 2,000 คัน โดยใช้งบกว่า 1 พันล้านบาท คาดว่าจะเสร็จต้นปี 2564 ซึ่งจะทำให้เมกาบางนามีที่จอดรถรวมกว่า 12,000 คัน
“ในวิกฤตินี้ เราได้เรียนรู้ว่า เรามีหน้าที่เดียวคือ ทำให้ธุรกิจทนต่อการช็อกของเศรษฐกิจได้นานที่สุด เราเองก็ได้ผลกระทบ ในช่วง 2 เดือนที่เราขาดทุน ดังนั้นเราจะทำยังไงให้เราอยู่ในสถานการณ์นี้ได้นานที่สุด”