ศึกษาการปรับตัวของ SOdA PrintinG จากธุรกิจของขวัญ สู่หน้ากากผ้าแฟชั่นสู้ COVID-19

พูดคุยกับ 2 ผู้ก่อตั้ง SOdA PrintinG บริษัทรับทำของขวัญรายใหญ่ ทายาทร้านอาหารชื่อดังที่จ.เพชรบุรี แต่เมื่อวิกฤต COVID-19 เข้ามา ทำให้ต้องผันตัวมาทำหน้ากากผ้าแฟชั่น เพื่อประคองธุรกิจ และดูแลพนักงาน มีการต่อยอดในการผลิตให้กับลูกค้าองค์กรด้วย

ครีเอตของขวัญชิ้นเดียวในโลก

ใครที่เคยค้นหาร้านทำของขวัญในงานรับปริญญา ของขวัญวันเกิด หรือของขวัญในโอกาสพิเศษต่างๆ น่าจะคุ้นเคยกับชื่อ SOdA PrintinG อยู่ไม่น้อย เป็นบริษัทที่รับพิมพ์ภาพลงผ้าใบแคนวาส วางจุดยืนเป็นของขวัญที่มีชิ้นเดียวในโลก เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้รับได้

SOdA PrintinG ได้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2007 โดย 2 พี่น้อง “ไอซ์ – ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์” และ “ครีม – ธวัชชัย สหัสสพาศน์” ทั้งคู่เป็นทายาทร้านอาหารชื่อดัง “เจ๊กเม้ง” ที่จ.เพชรบุรี แต่มีความสนใจในการทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก ประกอบกับเห็นโอกาสในธุรกิจนี้ จึงหันมาเปิดบริษัทร่วมกัน พร้อมกับยังช่วยที่บ้านบริหารร้านอาหารอยู่ด้วย

ดร.ธีรศานต์ ได้เริ่มต้นเล่าว่า “จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจนี้มาจากที่ตัวเองทำงานหาเงินมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ รับของจากหลายๆ ที่ สำเพ็งบ้าง สะพานพุทธบ้าง จากนั้นก็เริ่มมาเห็นว่าช่วงงานรับปริญญาคนจะหาของขวัญให้กัน พอนั่งรถผ่านแล้วเห็นรูปในหลวงขนาดใหญ่ เลยมาคิดว่าจะทำรูปใหญ่ๆ เป็นธุรกิจของขวัญ เริ่มทำในปี 2007”

ได้วางจุดยืนให้เป็นของขวัญชิ้นเดียวในโลก ที่สามารถสั่งทำได้ตามใจชอบ เป็นการพิมพ์รูปบนผ้าแคนวาสซึ่งเรียกว่าใหม่มากในสมัยนั้น ในช่วงแรกได้จ้างร้านทำป้าย ได้กำไรรูปละ 400-500 บาท พอธุรกิจเริ่มอยู่ตัวก็ได้ลงทุนซื้อเครื่องพิมพ์เอง ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพ และเวลาการทำงานได้ ตามเรื่องเองได้

“ส่วนที่มาของชื่อแบรนด์ SOdA PrintinG มาจาก ผมชื่อไอซ์ น้องชายชื่อครีม อยากมีชื่อกลางที่ทุกคนพูดถึงได้ จึงเอาสิ่งใกล้ตัวมาผสมผสาน เลยนึกถึงโซดา SOdA เพราะจะเป็นไอซ์โซดาหรือครีมโซดาก็ได้ ทำให้รสชาติกลมกลืนและชื่นใจ”

ต้องเป็นของขวัญในทุกโอกาส

ในช่วงแรกแบรนด์ได้เจาะตลาดไปที่ของขวัญงานรับปริญญาเพราะเป็นงานที่มีตลอดทั้งปี ไล่มาเกือบครบทุกเดือน เริ่มทำตลาดที่มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ก่อน เพราะมี Influencer อยู่เยอะ ทำให้สามารถบอกต่อๆ กันได้

จากนั้นก็ค่อยๆ ทำตลาดบนโลกออนไลน์ จบคีย์เวิร์ด SEO เพิ่มอีเวนต์เป็นของขวัญวันเกิด ของขวัญวันวาเลนไทน์ พัฒนาไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เริ่มจับที่กลุ่มงานปัจฉิมนิเทศของเด็กมัธยมแล้ว

“กลุ่มเป้าหมายแรกของเราจะเป็นกลุ่มเด็กมหาวิทยาลัยอายุ 18 ปีขึ้นไป จากนั้นก็มาเริ่มจับกลุ่มเด็กมัธยม กลุ่มคนจีบกัน กลุ่มให้ของขวัญเพื่อน เรียกว่าจับทุกกลุ่ม ทั้งวันเกิด ภาพวาด ภาพแต่งบ้าน ให้คนจะนึกถึงเราเรื่อยๆ ตอนนี้หวังเชื่อมโยงกลุ่มเด็กมัธยม ให้ของขวัญงานปัจฉิมนิเทศ มีบริการผ่อนก่อนล่วงหน้า 2 เดือนด้วย”

ภาพของ SOdA PrintinG จะมีราคาเริ่มต้นที่ 1,000 บาท ขนาด 70*50 เซนติเมตร ราคาสูงสุดที่ 3,700 บาท ขนาด 70*100 เซนติเมตร ตอนนี้มีการปรับขนาดเล็กลง เริ่มต้นที่ 499 บาท ขนาด 30*30 เซนติเมตร เพื่อจับกลุ่มเด็กนักเรียนมากขึ้น

ส่วนใหญ่ลูกค้าจะใช้จ่ายในราคาเฉลี่ย 1,000-1,500 บาท ชอบขนาดใหญ่ วันวาเลนไทน์เป็นช่วงที่มีออเดอร์มากที่สุดที่วันละ 2,000 ชิ้น ส่วนงานรับปริญญามีออเดอร์วันละ 1,000 ชิ้น

ไวรัสพาธุรกิจซบ หันหน้าทำหน้ากากผ้าแฟชั่นซะเลย

จะเห็นได้ว่าสัญญาณของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แม้จะยังไม่ระบาดหนักในไทยมากนัก แต่ทุกฝ่ายเริ่มมีการเตรียมพร้อม หลายธุรกิจเริ่มมีการมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิด จนเมื่อมีการแพร่ระบาดหนักขึ้นในประทเศไทย ทำให้หลายงานอีเวนต์ต้องหยุด หรือเลื่อนไปก่อน จนกระทั่งเกิดการล็อกดาวน์ขึ้น

ทำให้ธุรกิจของขวัญของ SOdA PrintinG ต้องหยุดชะงักเช่นเดียวกัน เพราะงานวาเลนไลน์ก็ไม่ค่อยคึกคัก งานปัจฉิมนิเทศ และงานรับปริญญาก็ต้องเลื่อนไปก่อน จึงไม่มีคนสั่งของขวัญ จึงผุดทางออกด้วยการผลิต “หน้ากากผ้า” ต่อยอดจากการพิมพ์ภาพ อีกทั้งยังได้ช่วยเหลือพนักงานไม่ให้ตกงานด้วย

“จริงๆ เริ่มเห็นสัญญาณตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้ว หลายๆ งานมีการเลื่อน งานปัจฉิมนิเทศ งานรับปริญญา เลยไม่มีคนออเดอร์ของขวัญ ทีนี้เลยมีไอเดียว่าเรามีเครื่องพิมพ์อยู่เครื่องหนึ่งที่สามารถพิมพ์ภาพได้ทุกรูปแบบ ทั้งผ้าห่ม ปลอกหมอนก็ได้ อีกทั้งเริม่มีข่าวว่าหน้ากากอนามัยเริ่มขาดตลาด จึงเริ่มทำหน้ากากผ้า”

หน้ากากผ้าของ SOdA PrintinG ได้ดีไซน์ให้เป็นมากกว่าอุปกรณ์ป้องกัน แต่เป็นสินค้า “แฟชั่น” ในยุค COVID-19 ทำการศึกษา Pain Point ในตลาด หลักๆ คือ วัยรุ่นไม่ใส่เพราะแมสก์ไม่สวย เลยออกแบบแมสก์ให้วัยรุ่นรู้สึกเท่ อยากใส่ ใส่แล้วหน้าเรียว ไม่ติดเครื่องสำอาง หายใจสะดวก อีกประเด็นสำหรับคนใส่แว่น ตอนใส่แล้วหายใจฝ้าจะไม่ขึ้นแว่น ถ่ายรูปสวย ทำให้เกิดพฤติกรรม เป็นการรับผิดชอบต่อตัวเองและผู้อื่น มีทีมกราฟฟิกในการออกแบบลายสวยๆ ตามเทรนด์แฟชั่น เพื่อให้แมตช์กับการแต่งตัวของวัยรุ่นในกระแสทุกวัน

ไม่ใช่แค่ธุรกิจ SOdA PrintinG ที่ต้องหยุด ร้านอาหารเจ๊กเม้งเองก็ต้องหยุดเช่นกัน เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีทัวร์มาลง จึงต้องหาวิธีดูแลพนักงาน 50 คน จึงให้ผันตัวมาเย็บหน้ากากผ้า

ในช่วงแรกผลิตได้สัปดาห์ละ 2,000 ชิ้น ทุกวันนี้ขยายกำลังผลิตในการเย็บได้สัปดาห์ละ 30,000 ชิ้น แต่สามารถพิมพ์ได้วันละ 15,000 ชิ้นต่อวัน

หน้ากากผ้านี้มีจำหน่ายในราคาชิ้นละ 99 บาท มี 40 กว่าลาย ปรับเปลี่ยนหมุนเวียนในแต่ละเดือน นอกจากขายปลีกแล้วยังมีเจาะกลุ่มองค์กร โดยรับจ้างผลิตหน้ากากผ้าให้ ตอนนี้ผลิตไปแล้วกว่า 200 บริษัท สามารถสั่งได้ขั้นต่ำที่ 100 ชิ้น

“ตอนนี้ธุรกิจของขวัญรายได้ลดลง แต่หน้ากากผ้าเรายังมีรายได้ แต่กำไรบาง ทุกวันนี้ทำไป 3 แสนชิ้นแล้ว สามารถทดแทนกันได้ ยังมีการแถมวอยเชอร์ส่วนลดที่จะเป็นมูลค่ากลับมาที่ธุรกิจหลักของเราก็คือทำของขวัญ ทำให้แบรนด์ยังอยู่กับเขาเรื่อยๆ ตอนแรกคิดแค่ว่าต้องทำเพื่อเอาตัวรอด ต้องช่วยพนักงาน แต่ภายใน 2 เดือนมานี้ ได้ฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ได้ข้อมูลมาต่อยอดมากขึ้นด้วย”

ต่อยอดสู่ของใช้ภายในบ้าน ฟาสต์แฟชั่น ไปจนถึงโรงแรม!

เมื่อถามถึงแผนในอนาคต หลังจากธุรกิจหน้ากากผ้า และทำของขวัญ ได้ถอดบทเรียนจาก COVID-19 พบว่า SOdA PrintinG อาจจะทำสินค้าของที่ระลึกภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้ หมอน ที่ปิดตา ผ้าห่ม ถุงผ้า เพราะตอนนี้คนสนใจแต่งบ้านมากขึ้น

“เราอยากให้ SOdA PrintinG  เป็น Fast Fashion ของกลุ่มวัยรุ่น เพราะถ้าธุรกิจของขวัญคนจะซื้อได้ไม่บ่อย ซื้อแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าทำของเฉพาะ หรือสินค้าแฟชั่น จะสามารถรีเทิร์นคนกลับมาซื้อได้ มีความถี่ในการซื้อมากขึ้น”  

นอกจากนี้ยังมีแผนทำ SOdA Hotel ที่จังหวัดเพชรบุรี คอนเซ็ปต์จะเป็นโรงแรมที่ออกแบบสินค้าให้กับลูกค้าก่อนล่วงหน้า คิดค่าห้อง และค่าของรวมกัน เมื่อพักเสร็จแล้วสามารถขนสินค้ากลับบ้านได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูป ผ้าปูที่นอน หมอน และอื่นๆ เป็นการขายประสบการณ์อีกรูปแบบหนึ่ง ต่อยอดกับธุรกิจร้านอาหาร และท่องเที่ยวไปในตัว

สุดท้ายแล้ว ทั้งคู่ได้ฝากถึงบทเรียนจากวิกฤต COVID-19 ในครั้งนี้ มองว่า “เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ จะโทษคนอื่นไม่ได้ ต้องลองทำอะไรสักอย่าง ตอนนั้นก็เครียด อาหารโดนยกเลิกกรุ๊ปทัวร์ 150 กรุ๊ป ขอเงินมัดจำคืน ก็ต้องเอาเงินไปคืนเขา เพื่อได้ช่วยเหลือเขา เราจะทำรอดคนเดียวไม่ได้ ต้องทำให้คนอื่นรอดไปด้วย เผื่อวันข้างหน้าจะมาช่วยเรา ใช้ใจบันดาลแรง ทำให้รู้ว่าพนักงานที่อยู่ด้วยกัน มีศักยภาพ ทุกคนแสดงผลงานได้เต็มที่ คนขี้เกียจธรรมชาติจะคัดสรรออกไป ทำให้เห็นดาวเด่นในที่ทำงานเยอะมากขึ้น”