กักตัวจนไซส์เปลี่ยน! Levi’s ประเมินลูกค้าเข้าร้านเพียบหลัง COVID-19 เพราะ “ยีนส์คับ”

(Photo by Shutterstock)
ร้านค้าในสหรัฐฯ เริ่มทยอยกลับมาเปิดทำการแล้วหลังการระบาดของโรค COVID-19 โดยแบรนด์กางเกงยีนส์ชื่อดัง Levi Strauss ระบุว่าลูกค้ากลับมาช้อปที่ร้านจำนวนมาก บางร้านมีคิวต่อแถวรอหน้าร้าน เพราะการกักตัวอยู่บ้านทำให้หลายคน “ไซส์ใหญ่ขึ้น”

“Quarantine 15” กลายเป็นวลีตลกในสหรัฐฯ สื่อถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 15 ปอนด์ระหว่างช่วงกักตัวอยู่กับบ้าน (เป็นวลีที่ล้อเลียนจาก Freshman 15 มุกตลกที่หมายถึงคนเริ่มเข้าเรียนปี 1 ในมหาวิทยาลัยมักจะน้ำหนักขึ้น) ด้วยชีวิตช่วงล็อกดาวน์ไม่ได้ไปไหน มีโอกาสออกกำลังกายน้อยลง แต่โอกาสกินขนมเยอะขึ้น และหลายคนก็หัดทำเบเกอรี่ที่บ้านจนน้ำหนักขึ้นไปตามๆ กัน

มาร์ค โรเซน รองประธานกรรมการบริหารและประธานกรรมการ Levi Strauss สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า หลังจากร้านค้าทยอยเปิดทำการอีกครั้ง นักช้อปหลายคนกลับมาที่ร้าน “พร้อมกับไซส์เสื้อผ้าไซส์ใหม่” และยินดีอย่างยิ่งที่ร้านเปิดแล้ว เนื่องจากต้องการเข้าห้องลองเสื้อผ้า

สัปดาห์ก่อนนี้ Levi’s เริ่มเปิดทำการร้านไป 35% ของสาขาที่มีในสหรัฐฯ และบางสาขาพบลูกค้ามาต่อคิวหน้าร้านอีกด้วย (ทั้งนี้ จากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ภายในร้านรับลูกค้าได้จำกัด) ทำให้ราคาหุ้นของ Levi’s ไต่ระดับกลับขึ้นมา 8%

สินค้าของ Levi’s

“ลูกค้าที่กลับมาทันทีแบบนี้ แสดงว่ามีความต้องการซื้อจริง” โรเซนอธิบาย “พวกเขารู้ว่าตนเองต้องการซื้ออะไร และเมื่อมาที่ร้านก็จะซื้ออย่างอื่นเพิ่มไปด้วย”

Levi’s ตัดสินใจต่างกับร้านเสื้อผ้าอื่นๆ ที่ยังปิดห้องลองเสื้อผ้าอยู่ แบรนด์กางเกงยีนส์รายนี้เปิดห้องลองเสื้อผ้าครบทุกห้อง แต่มีการทำความสะอาดห้องลองทุกครั้งหลังมีลูกค้าเข้าใช้ รวมถึงมีมาตรการทิ้งสินค้าที่ลองแล้วแต่ไม่ซื้อไว้ก่อน 24 ชั่วโมงก่อนจะนำกลับขึ้นชั้น และสำหรับสินค้าที่ลูกค้าขอคืนสินค้าจะเก็บไว้ก่อน 72 ชั่วโมง

ไม่ว่าลูกค้าจะเปลี่ยนไซส์ขึ้นหรือลง ต่างเป็นข่าวดีสำหรับบริษัทเสื้อผ้าในช่วงหลังวิกฤตโรคระบาดทั้งนั้น เพราะลูกค้าจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเซตใหม่

นอกจาก Levi’s แล้ว ร้านเสื้อผ้าอย่าง American Eagle Outfitters และ Abercrombie & Fitch ต่างบอกว่ายอดขายหลังเปิดร้านขึ้นมาถึง 95% และ 80% ของยอดขายปกติ

American Eagle อีกหนึ่งแบรนด์เสื้อผ้าที่กลับมาขายดีหลัง COVID-19 โดยยอดขายกลับมาถึง 95% ของยอดขายปกติก่อนเกิดโรคระบาด

ขณะที่บริษัทสำรวจตลาด Cowen & Co. พบว่า จำนวนลูกค้าเข้าร้านเสื้อผ้าในสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ลดต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 80.6% ถือว่าเป็นสัญญาณดีขึ้น เพราะสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม จำนวนลูกค้าลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 88.5%

“ฤดูร้อนที่แผ่ขยายไปทั่วประเทศ ส่งผลให้ลูกค้าจำนวนมากต้องการอยู่นอกบ้านมากขึ้น และต้องการเสื้อผ้าที่เสริมภาพลักษณ์ มากกว่าเสื้อผ้าที่ใส่สบายสำหรับอยู่บ้านหรือเสื้อผ้าท่อนบนสำหรับใช้เปิดกล้องทำงาน” มาเรีย รูโกโล นักวิเคราะห์ธุรกิจเสื้อผ้าจาก NPD Group กล่าว

“ความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ตามระยะคลายล็อกดาวน์และการฟื้นตัวหลังวิกฤต เป็นเรื่องที่ทำให้ธุรกิจมีกำลังใจ เมื่อได้เห็นผู้บริโภคต้องการสินค้าใหม่ๆ เข้าตู้เสื้อผ้าของพวกเขา” รูโกโลกล่าว พร้อมระบุว่ายอดขายของธุรกิจนี้ตลอดเดือนพฤษภาคมถือว่าดีกว่าที่คาดไว้

Source