สิงคโปร์ประกาศยุบสภา เตรียมเลือกตั้งใหม่ 10 ก.ค.นี้ ส่งไม้ต่อให้รัฐบาลใหม่จัดการวิกฤต COVID-19 “ลี เซียนลุง” มองสถานการณ์อีก 1 ปีข้างหน้ายังไม่เเน่นอน ขอให้ประชาชนตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ เเถลงว่า ได้ขอให้ประธานาธิบดีสิงคโปร์ประกาศยุบสภาเป็นที่เรียบร้อย โดยจะมีการเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์ในวันที่ 10 ก.ค.นี้
นายกฯ สิงคโปร์ ย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีความโปร่งใสเเละปลอดภัย เเม้จะมีกระเเสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกำหนดให้มีการเลือกตั้งในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 อาจมีความเสี่ยงต่อผู้มาลงคะแนนเสียง อีกทั้งยังมีข้อจำกัดในการหาเสียง
โดยวันรับสมัครลงเลือกตั้งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้ผู้ลงสมัครเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มีเวลาหาเสียงเพียง 9 วันเท่านั้น รวมถึงต้องอยู่ภายใต้มาตรการจำกัดการชุมนุมอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การยุบสภาครั้งนี้ ไม่ได้เกินความคาดหมายนัก เนื่องจากรัฐบาลสิงคโปร์กำลังจะหมดวาระ 5 ปีภายในเดือนเม.ย.ปีหน้า ซึ่งก็มีการคาดว่าจะมีการยุบสภาก่อนหน้านั้น
ผู้นำสิงคโปร์ กล่าวว่า เเต่เดิมเขาต้องการรอให้วิกฤต COVID-19 ครั้งนี้ผ่านพ้นไปก่อน เเต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่เเววที่สถานการณ์จะยุติก่อนรัฐบาลสิงคโปร์ชุดปัจจุบัน ดังนั้นจึงต้องตัดสินใจให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเร็วขึ้น เพื่อให้รัฐบาลต่อไปบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญอีกหลายเรื่อง
โดยมองว่า สถานการณ์ในช่วง 1 ปีต่อจากนี้ ยังไม่เเน่นอนเเละมีความท้าทายมากมายรออยู่ข้างหน้า เเละหากมีรัฐบาลที่เข้มแข็งจากการหนุนหลังของประชาชนเเล้ว ก็จะทำให้สามารถฝ่าวิกฤตที่ยากลำบากนี้ไปได้ จึงขอให้เประชาชนตัดสินใจอย่างรอบคอบ
“การตัดสินใจครั้งนี้ จะส่งผลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวสิงคโปร์ทุกคน และกำหนดทิศทางของสิงคโปร์ในอีกหลายปีต่อจากนี้”
สำหรับสถานการณ์โรคระบาดในสิงคโปร์ ล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 4.2 หมื่นราย เสียชีวิต 26 ราย โดยรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณไปกว่า 1 เเสนล้านเหรียญสิงคโปร์ (ราว 2.2 ล้านล้านบาท) คิดเป็นกว่า 20% ของจีดีพี เพื่อนำไปฟื้นฟูเศรษฐกิจ เยียวยาประชาชนเเละจัดการปัญหาการว่างงาน
ทั้งนี้ พรรคกิจประชาชน (PAP) เป็นพรรครัฐบาล “พรรคเดียว” ในสภามาตั้งแต่ปี 1959 เเละไม่เคยได้รับคะเเนนเสียงต่ำกว่า 60% ในการเลือกตั้ง 13 ครั้งที่ผ่านมา โดยการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2015 พรรค PAP ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนมากถึง 69.9%
ที่มา : straitstimes , CNA
