แม้ในหลายทวีป ทั้งเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือได้ดำเนินการเปลี่ยนย้ายไปสู่เครือข่าย 5G ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ 2562 แต่สำหรับประเทศไทยนั้นเพิ่งจะมีการประมูล 5G ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากประมูลไปไม่นานก็เกิดการระบาดของไวรัส Covid-19 ดังนั้น ‘อีริคสัน’ (Ericsson) จึงออกรายงาน ‘Ericsson Mobility Report’ ฉบับล่าสุด เพื่อประเมินอนาคตของ 5G หลังจากที่มีตัวแปรใหม่อย่าง Covid-19
นาดีน อัลเลน ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้พฤติกรรมการชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกต้องเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับปริมาณการรับส่งข้อมูลบนเครือข่าย ที่เปลี่ยนแปลงพื้นที่จากย่านธุรกิจไปสู่ชุมชนที่พักอาศัยอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้คนต้องทำงานหรือเรียนที่บ้าน ส่งผลให้มีการใช้โครงข่ายทั้งสายและไร้สายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 83% ของผู้ตอบแบบสำรวจจาก 11 ประเทศ ระบุว่าในช่วงล็อคดาวน์มีการใช้บริการเทคโนโลยีมากขึ้น ขณะที่ย่านพักอาศัยมีปริมาณการใช้ดาต้าอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายบรอดแบนด์เติบโตราว 20-100% ส่วนการใช้งานเสียงเพิ่มขึ้น 20-70%
“28% ของกลุ่มผู้บริโภคมิลเลนเนียมระบุว่า ระบบสื่อสารเทคโนโลยีทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 74% ของผู้ที่มีอายุ 60 ปี ระบุว่าระบบสื่อสารทำให้เขาสามารถพูดคุยกับครอบครัวได้ และ 2 ใน 3 ของกลุ่มทำงาน บอกว่าระบบสื่อสารทำให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยที่ผ่านมามีการใช้งานระบบสื่อสารผ่านสายเพิ่มขึ้น 2.5 ชั่วโมงต่อวัน และไร้สายเพิ่มขึ้น 1 ชั่วโมงต่อวัน มีการใช้บริการสตรีมมิ่งมากขึ้น ดูละคร ดูหนังออนไลน์ เพิ่มขึ้น 20-120%”
ในส่วนของ 5G ได้มีการนำมาใช้ประโยชน์ในช่วงที่เกิดการระบาดทั้งในภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เนื่องจากผู้บริโภคต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้น มีการทำงานจากที่บ้าน และมีการนำเทคโนโลยีใช้ทางการแพทย์ การปรึกษาด้านสุขภาพทางออนไลน์ ส่งผลให้ตลาดส่วนใหญ่จึงกำลังเร่งพัฒนาเครือข่าย 5G มีเพียงบางตลาดเท่านั้นที่เติบโตแบบชะลอตัว ซึ่งปัจจุบันอีริคสันมีสัญญา 5G กับผู้ให้บริการทั่วโลกกว่า 93 ฉบับ มี 40 เครือข่ายเริ่มให้บริการจริงแล้ว
ดังนั้น จากปัจจัยเร่งของ Covid-19 คาดว่าภายในปี 2563 จะมีผู้ใช้ 5G ทั่วโลก 190 ล้านราย และเติบโตเป็น 2,800 ล้านรายภายในสิ้นปี 2568 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประเมินว่าจะมี 1,900 ล้านราย โดยภูมิภาคที่จะมีสัดส่วนผู้ใช้ 5G เพิ่มขึ้นสูงคือ อเมริกาเหนือ ประมาณ 74% ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งหมด รองลงมาคือเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้ใช้ 60% ยุโรปตะวันออก 55% ส่วนในอาเซียน และโอเซียเนีย มีประมาณ 21% โดยประเมินว่าผู้ใช้ 5G จะใช้งานดาต้าสูงกว่า 4G ถึง 2.6 เท่า
“อย่างประเทศเกาหลีใต้ในช่วงล็อกดาวน์มีการใช้ 5G เพิ่มขึ้นกว่า 6.3 ล้านราย ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมก็มีการนำ 5G มาใช้ ทั้งด้านสุขภาพ โรงงานการผลิต และพลังงาน”
สำหรับประเทศไทยยังประเมินยากว่า Covid-19 จะทำให้โอเปอเรเตอร์ ชะลอหรือเร่งการลงทุน เพราะ Covid-19 มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค ขณะเดียวกัน ความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคก็มีมากขึ้น และจะเริ่มเห็นหลายองค์กรนำเทคโนโลยี AR/VR มาใช้ในการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า รวมถึงการแพทย์ทางไกลก็เริ่มมีบทบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ผู้บริโภคคาดหวังถึงการวางเครือข่าย 5G ที่เร็วกว่าที่ควร
“ไทยควรเริ่มโฟกัสการนำ 5G มาใช้ในด้านสุขภาพ เพื่อเสริมแกร่งด้านบริการแพทย์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีโอกาสทางธุรกิจสูงมาก”