มุขมนตรีแห่งรัฐนอร์ทไรน์-เวสท์ฟาเลีย ทางภาคตะวันตกของเยอรมนี ออกคำสั่งให้พื้นที่เมืองกือเทอร์สโล กลับสู่มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน หลังพบการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งที่เมืองดังกล่าว
เมืองกือเทอร์สโล ซึ่งมีประชากรราวๆ 360,000 คน เป็นพื้นที่แรกของเยอรมนีที่ต้องกลับสู่คำสั่งล็อกดาวน์ หลังเจ้าหน้าที่เริ่มผ่อนปรนมาตรการอันเข้มงวดอย่างค่อยเป็นค่อยไปมาตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนเมษายน
อาร์มิน ลาสเชต มุขมนตรีแห่งรัฐ ซึ่งเป็นแกนนำเรียกร้องให้เยอรมนีผ่อนคลายมาการล็อกดาวน์ บอกว่า บาร์, พิพิธภัณฑ์, หอแสดงศิลปะ, โรงภาพยนตร์, อาคารกีฬาในร่ม, ศูนย์ออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ ในเมืองกือเทอร์สโลจะต้องปิดทำการ รวมถึงห้ามตั้งแคมป์ปิกนิกและงานรื่นเริงกลางแจ้ง
“เราจะยกเลิกมาตรการเหล่านี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อเราแน่ใจเกี่ยวกับความปลอดภัยจากการติดเชื้อ”
คนงานมากกว่า 1,500 คนของโรงงานฆ่าสัตว์และแปรรูปเนื้อแห่งหนึ่งในเมืองกือเทอร์สโล มีผลตรวจไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ออกมาเป็นบวก เช่นเดียวกับสมาชิกในครอบครัวบางส่วนของคนงานเหล่านั้น และคนอื่นๆ อีก 24 คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรงงาน
ลาสเชต คือตัวเต็งลำดับต้นๆ ที่มีโอกาสก้าวขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนางอังกลา แมร์เคิล เมื่อครั้งที่วารการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 4 ของเธอจะหมดลงในปีหน้า แต่การแพร่ระบาดรอบใหม่ในรัฐของเขา ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในเยอรมนี อาจกัดเซาะโอกาสดังกล่าว
มุขมนตรีของรัฐต่างๆ เห็นพ้องกันสำหรับดำเนินการแยกกันในแต่ละพื้นที่สำหรับสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส และบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีเหตุผลที่ต้องใช้มาตรการครอบคลุมในวงกว้าง
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน โลธาร์ วีเลอร์ ประธานสถาบันสาธารณสุข โรแบร์ต คอก ระบุว่าการแพร่ระบาดในท้องถิ่นคือเป็นปัจจัยหลักของการพุ่งขึ้ของอัตราการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยปัจจุบันอยู่ที่ 2.76
อัตราการแพร่ (R) 2.76 หมายความว่าในประชาชนที่ติดเชื้อไวรัส 100 คน สามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆ โดยเฉลี่ย 276 คน
ในขณะที่เยอรมนี เสี่ยงเจอการแพร่ระบาดระลอกสอง แต่ วีเลอร์ มองในแง่บวกว่ามันสามารถป้องกันได้