‘สหพันธ์ผู้โฆษณาโลก’ ชี้ การคว่ำบาตร ‘Facebook’ จะไม่หยุดจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจริง

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีบริษัทมากกว่า 500 รายที่ร่วมกัน ‘บอยคอตโฆษณา’ ใน Facebook อย่างไรก็ตาม บริษัทวิเคราะห์หุ้นจาก Wall Street ประเมินว่ารายได้ Facebook จะลดลงเพียง 5% เท่านั้น แต่ถ้าเกิดขึ้นยาวนานกว่า 1 เดือนก็อาจจะมีผลกระทบสูงขึ้น ขณะที่ Mark Zuckerberg เชื่อว่า “ผู้โฆษณาเหล่านี้จะกลับมาบนแพลตฟอร์มในไม่ช้า” แต่ไม่แน่ว่าสิ่งที่ Mark คิดนั้นอาจจะผิด

Mark Zuckerberg CEO Facebook

Stephan Loerke ซีอีโอของ World Federation of Advertisers (WFA) หรือ สหพันธ์ผู้โฆษณาโลก เชื่อว่าการที่แบรนด์ใหญ่ ๆ ยกเลิกการลงโฆษณาในโซเชียลมีเดียจะไม่กลับมาจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจริง

“ฉันไม่เห็นแบรนด์ใหญ่เหล่านั้นกลับมาอีก ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” เขากล่าว

โดย WFA ได้ทำผลสำรวจ 58 บริษัท จากสมาชิกกลุ่มการค้า 120 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย PepsiCo, P&G และ Diageo ซึ่งใช้จ่ายด้านสื่อสารด้านการตลาดมากถึง 90% พบว่ามี 31% ที่ตัดสินใจระงับโฆษณาในโซเชียลมีเดีย 41% ระบุว่า พวกเขายังไม่ได้ตัดสิน และ 29% ยังไม่มีแผนการที่จะระงับการโฆษณา

การสำรวจครั้งนี้ เกิดหลังจากที่แบรนด์ใหญ่อย่าง Unilever และ Starbucks ได้ประกาศหยุดโฆษณาทาง Social Media หลังจากมีแคมเปญที่เรียกว่า “#StopHateForProfit” โดยกลุ่มองค์กรที่เรียกร้องให้ผู้โฆษณาคว่ำบาตร Facebook เมื่อเดือนกรกฎาคม ขณะที่การระงับโฆษณาบนโซเชียล มีทั้งหยุดยาวจนหมดปีนี้ หรืออาจจะเป็นเพียง 1 เดือน หรือ 2 เดือน

“หากแบรนด์ใหญ่ ๆ ร่วมกันแบนประมาณ 1-3 เดือน ก็อาจจะไม่ทำให้รายรับของ Facebook ลดลงมากเลย แต่มุมมองที่แบรนด์เหล่านั้นแสดงออก เชื่อว่ามันมีน้ำหนักในอุตสาหกรรมและคิดว่าในระยะยาว จะมีความสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ Social Media”

อ่าน >>> แค่ผิวๆ! นักวิเคราะห์ประเมินกระแส “บอยคอตโฆษณา” Facebook กระทบรายได้เพียง 5%

Loerke กล่าวว่า เขาเชื่อว่าผู้ประกอบการในระบบนิเวศรวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีความสนใจในการบรรเทาคำพูดและเนื้อหาที่แสดงความเกลียดชัง แต่วิธีที่เขาทำในตอนนี้อาจไม่ยั่งยืนและไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากแต่ละแพลตฟอร์มมีนโยบายค่านิยมและเครื่องมือของตัวเอง

สิ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประกอบด้วย 4 สิ่ง 1.มีการจำกัดความของ “คำพูดแสดงความเกลียดชัง” ในทุกหน่วยงาน 2.ข้อมูลจะต้องถูกรวบรวมเป็นหนึ่งเดียว 3.จำเป็นต้องมีการตรวจสอบบุคคลที่สามแทนข้อมูลที่รายงานด้วยตนเอง และ 4.มีเครื่องมือที่ทำงานข้ามระบบนิเวศ ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาสหพันธ์ผู้โฆษณาโลกได้สร้าง Global Alliance for Responsible Media เพื่อจัดการกับปัญหาเช่นกัน

ทั้งนี้ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา Facebook จะพยายามอธิบายว่าแพลตฟอร์มมีการรับมือกับข้อความ hate speech และพยายามสร้างความมั่นใจให้พนักงานว่าโฆษณาทั้งหลายจะกลับมาใช้บริการเร็ว ๆ นี้ แน่นอน

Source