เศรษฐกิจสิงคโปร์เข้าสู่ภาวะถดถอยในทางเทคนิคหลัง GDP หดตัวต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติด โดยในไตรมาสล่าสุดหดตัวเป็นประวัติการณ์ถึง 41.2% จากช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 ท่ามกลางแรงบีบคั้นจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19
นักเศรษฐศาสตร์ที่ให้ข้อมูลกับรอยเตอร์เคยประเมินว่า GDP ไตรมาสล่าสุดของสิงคโปร์จะหดตัวราว 37.4% แต่ปรากฏว่า COVID-19 ส่งผลกระทบหนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเกาะศูนย์กลางธุรกิจแห่งนี้ โดยเฉพาะภาคก่อสร้างซึ่งหดตัวแรงถึง 95.6%
กระทรวงพาณิชย์ และอุตสาหกรรมของสิงคโปร์เผยข้อมูลเบื้องต้นวันที่ 14 ก.ค. ว่า GDP ไตรมาสปัจจุบันหดตัว 12.6% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งนับว่าหนักหนาสาหัสกว่าตัวเลข 10.5% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้
GDP ที่หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสเช่นนี้ถือว่าเข้านิยามของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในทางเทคนิค (technical recession)
รัฐบาลสิงคโปร์ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ในปีนี้ลงสู่ระดับ -7% ถึง -4% ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ชั้นเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
“หลังจากรัฐบาลเริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง เราคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 แต่ก็จะยังอยู่ภาวะหดตัว” เซเลนา หลิง หัวหน้าฝ่ายวิจัยและยุทธศาสตร์การคลังของธนาคาร OCBC ให้สัมภาษณ์
รัฐบาลสิงคโปร์ได้อัดฉีดงบประมาณฉุกเฉินไปแล้วเกือบ 100,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากวิกฤต COVID-19
พรรคกิจประชาชน (PAP) ซึ่งชนะศึกเลือกตั้งและยื้ออำนาจบริหารไว้ได้อีกสมัยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยืนยันว่าการปกป้องตำแหน่งงานในสิงคโปร์ถือเป็นภารกิจสำคัญที่หนึ่ง
นักวิเคราะห์ออกมาเตือนล่วงหน้าแล้วว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์จะหดตัวแรงในไตรมาสที่ 2 สืบเนื่องจากคำสั่งล็อกดาวน์ในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. หรือที่เรียกว่า “เซอร์กิต เบรกเกอร์” ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ต้องปิดตัวลงชั่วคราวเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส