เชนโรงแรมจากสหรัฐฯ “แมริออท” วางแผนดำเนินการโรงแรมเพิ่มอีก 40-50 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกภายในปีนี้ แม้ว่าการท่องเที่ยวจะยังซบเซาจากวิกฤตโรคระบาด COVID-19 โดยโรงแรมเครือแมริออท 20% ในภูมิภาค APAC (ยกเว้นจีน) ยังคงปิดทำการ สาเหตุที่มีโรงแรมเข้าพอร์ตเพิ่ม เพราะโรงแรมแบรนด์อิสระจำต้องหันเข้าหาเชนใหญ่ช่วยกู้วิกฤต
“ณ ชั่วขณะหนึ่ง ประมาณ 50% ของโรงแรมเราในเอเชียเคยปิดทำการ” เคร็ก สมิธ ประธานกลุ่มเอเชียแปซิฟิก แมริออท กล่าว “ขณะนี้เราไม่มีโรงแรมใดในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยังปิดทำการ แต่มีโรงแรมราว 20% ในเอเชียไม่นับประเทศจีนที่ยังปิดทำการอยู่”
สัดส่วนโรงแรมที่ยังต้องปิดทำการลดลงจาก 50% เหลือ 20% มองในแง่หนึ่งนั้นเป็นสัญญาณบวกว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว แต่อีกในมุมหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่าการเดินทางข้ามโลกยังไม่กลับมาสมบูรณ์ และกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงเนื่องจากโรคระบาด
ถึงอย่างนั้นก็ตาม สถานการณ์นี้ก็ไม่ได้หยุดแผนการลงทุนของเครือแมริออท ยักษ์เชนโรงแรมระดับโลกผู้ถือครองแบรนด์ 30 แบรนด์ เช่น เซนต์ รีจิส, ริทซ์ คาร์ลตัน, เจดับบลิว แมริออท, เลอ เมอริเดียน ฯลฯ โดยบริษัทจะเปิดบริการโรงแรมใหม่ภายใต้การบริหารของเครือราว 40-50 แห่งในปีนี้ และอีก 100 แห่งในปีหน้า เริ่มต้นจากโรงแรมเจดับบลิว แมริออท นารา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นโรงแรมแห่งที่ 800 ของเครือในภูมิภาค APAC และแห่งที่ 50 ในญี่ปุ่น
“staycations” ของคนเจนวายช่วยฟื้นธุรกิจ
แมริออทมองว่า การฟื้นตัวของภาคธุรกิจโรงแรมจะเกิดขึ้นได้จากเทรนด์ “staycations” ของกลุ่มคนเจนวาย กลุ่มที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวพักผ่อนภายในประเทศ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงของไวรัสโคโรนาก็ตาม
“เรายังคงมั่นใจในการกลับคืนสู่สภาพเดิมของธุรกิจท่องเที่ยว มั่นใจในเจ้าของโรงแรม แฟรนไชซี แขกผู้เข้าพัก จนถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และอนาคตของการบริการที่พักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเครือแมริออท” สมิธกล่าว “เรามีความมั่นใจเนื่องจากได้เห็นเทรนด์ล่าสุดของการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งดีมานด์การท่องเที่ยวขับเคลื่อนได้จากนักท่องเที่ยวภายในประเทศ และเราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งของการลงทุนในตลาดนี้ที่กำลังเติบโตและมีความสำคัญ”
เดือนกรกฎาคมนี้ แมริออทพบว่าอัตราผู้เข้าพักของโรงแรมในจีนอยู่ที่ 55% และคาดว่าเดือนหน้าจะเพิ่มเป็น 60% ตัวอย่างทิศทางบวกเช่น โรงแรมจำนวน 25 แห่งของเครือบนเกาะไห่หนาน ประเทศจีน กลับทำรายได้ได้ดีกว่าปีที่แล้วเสียอีก จากดีมานด์นักท่องเที่ยวในประเทศ
แต่ในทางตรงกันข้าม บางประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงอยู่ เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย เป็นไปได้ว่าการฟื้นตัวจะช้ากว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งนี้ แมริออทมีโรงแรม 120 แห่งในอินเดีย และมากกว่า 50 แห่งในอินโดนีเซีย
โรงแรมอิสระหันพึ่งเชนใหญ่ช่วยบริหาร
ช่วง 3 เดือนแรกของปี เมื่อโรค COVID-19 แพร่ระบาดถึงจุดสูงสุดในเอเชีย Colliers ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ประเมินว่า จะมีโรงแรมถึง 8 ใน 10 แห่งของภูมิภาคนี้ที่ต้องปิดตัวลง และภาคธุรกิจโรงแรมจะสูญเสียรายได้รวมกันไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ช่วงครึ่งปีแรกปีนี้
สมิธกล่าวว่า ความเสี่ยงดังกล่าวทำให้โรงแรมแบรนด์อิสระในภูมิภาคจำนวนมากติดต่อมาที่แมริออทเพื่อขอเซ็นสัญญาให้แบรนด์เข้าไปบริหาร จนเครือได้รับข้อเสนอขอใช้แบรนด์เข้ามามากขึ้นจากปีที่แล้วถึง 30-40%
ความเสี่ยงที่สูงขึ้นของธุรกิจโรงแรมยังทำให้การซื้อขายโรงแรมปีนี้ลดลงมากอีกด้วย โดย Real Capital Analytics นักวิเคราะห์ซึ่งติดตามมูลค่าดีลการลงทุนอสังหาฯ พบว่า มูลค่าดีลซื้อขายโรงแรมช่วง 5 เดือนแรกปี 2020 ลดลงไปถึง 50% เทียบกับปีก่อน และเป็นกลุ่มอสังหาฯ ที่การขายฝืดที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มที่อยู่อาศัย ออฟฟิศ และรีเทล ซึ่งซื้อขายลดลง 10-34% ปีนี้