COVID-19 ไม่อาจห้ามคนไทยไม่ให้ไปเที่ยวได้ เพียงแต่ส่วนใหญ่ต้องการเที่ยวในประเทศแทนเพื่อความปลอดภัย และมองว่าจะยังเที่ยวในประเทศเป็นหลักกันจนถึงปี 2564 รวมถึงเน้นใช้รถยนต์เดินทางเป็นหลัก แต่คนไทยยังชื่นชอบการพักผ่อนในโรงแรมมากกว่าเช่าที่พักส่วนตัว
Europ Assitstance ร่วมกับ IPSOS จัดทำผลสำรวจ “อนาคตการท่องเที่ยว” (Future of Travel) สำรวจระหว่างวันที่ 5-26 มิถุนายน 2563 ทำแบบสอบถามนักท่องเที่ยวใน 11 ประเทศ ประเทศละ 1,000 คน ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย เบลเยียม สเปน อิตาลี โปแลนด์ สหราชอาณาจักร จีน ไทย และสหรัฐอเมริกา
สำหรับ “ประเทศไทย” ข้อมูลที่ผลงานวิจัยนี้ค้นพบมีดังนี้
- 8 ใน 10 ของคนไทยต้องการเดินทางท่องเที่ยว
- 75% ต้องการท่องเที่ยวในประเทศในปี 2563
- 75% ยังคงต้องการท่องเที่ยวในประเทศในปี 2564
- 36% ของคนไทยเริ่มจองทริปท่องเที่ยวแล้ว
- ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด โดยวิธีการของคนไทย 86% คือจะหลีกเลี่ยงไปที่ที่มีคนหนาแน่น
- 74% ของคนไทยจะเลือกเดินทางด้วยรถยนต์
- 71% เลือกที่พักในโรงแรมหรือรีสอร์ต
- 70% ของนักท่องเที่ยวไทยระบุว่าจะทำประกันการเดินทาง
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับนักท่องเที่ยวประเทศอื่น ผู้จัดทำการสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวไทยยังเลือกสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศแม้เข้าสู่ปี 2564 แตกต่างจากชาวต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่ตอบว่าจะออกเที่ยวต่างประเทศแล้วในปีหน้า
นอกจากนี้ คนไทยถึง 71% เลือกที่พักเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ต มากกว่าค่าเฉลี่ยรวม 11 ประเทศที่เลือกโรงแรมหรือรีสอร์ต 58% และเลือกเช่าที่พักส่วนตัว (บ้านเช่า/คอนโดฯ) สูงถึง 42%
นักท่องเที่ยวไทยยังมีความห่วงกังวลถึงความปลอดภัยสูงกว่า ด้วย เพราะมีคนไทยที่ต้องการทำประกันการเดินทางสูงถึง 70% ส่วนค่าเฉลี่ยรวม 11 ประเทศตอบว่าจะทำประกันเพียง 54% เท่านั้น
จากผลสำรวจเหล่านี้สะท้อนภาพว่าการท่องเที่ยวและโรงแรมในไทยมีโอกาสสูงมากหากจับกลุ่มคนไทย เน้นนักท่องเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงที่ขับรถสะดวก และใช้จุดขายเรื่องความเป็นส่วนตัว ไม่พลุกพล่าน น่าจะได้ผลดีที่สุด