ทัวร์จีนหาย! พา “นารายา” ฟุบหนัก ปรับแผนขายหน้ากากผ้า คาดรายได้หาย 50%

เปิดกลยุทธ์นารายา” ฝ่าวิกฤต COVID-19 กระหน่ำ ลูกค้าหลักต่างชาติหาย ปิดน่านฟ้า ปิดศูนย์การค้ากระเทือนหน้าร้านปิดหมด มุ่งผลิตหน้ากากผ้า ขายกระเป๋าผ้าผ่านออนไลน์ แต่ได้แค่ประคอง คาดปีนี้รายได้คงหายไป 50% ปีหน้าปรับแผน ขยายช่องทางสินค้าเสื้อผ้ากับสกินแคร์มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยง

นักท่องเที่ยวหาย พารายได้หด

พศิน ลาทูรัส ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด เปิดเผยว่า

“จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ระบาดอย่างหนักในช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในภาพรวมอย่างมากและต่อบริษัทฯ ด้วย โดยเฉพาะการที่ศูนย์การค้าและห้างค้าปลีกต่างๆ ต้องปิดบริการอันเนื่องมาจากมาตรการป้องกันของภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ มีสาขาหน้าร้านอยู่ในศูนย์การค้าเป็นหลัก ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับกลยุทธ์และปรับแผนการดำเนินงานใหม่ในช่วงดังกล่าว เพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”

สินค้าของนารายา หลักๆ เป็นพวกกระเป๋าผ้า ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าเป็นสินค้าที่สิ้นเปลือง ทำให้ผู้บริโภคนำเงินไปจับจ่ายซื้อสินค้าและสิ่งของจำเป็นมากกว่า และสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพ จึงเป็นการลดความเสี่ยงของเราด้วย ประกอบกับฐานลูกค้าหลักของนารายาจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 70% ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ต้องยอมรับว่าหายไปหมดเลย จากการที่ต้องปิดน่านฟ้าไม่มีการเดินทางในช่วงที่ผ่านมา และขณะนี้ก็ยังไม่มีนักท่องเที่ยวกลับมา ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของนารายา จึงต้องปรับแผนใหม่

ลุยขายหน้ากากผ้าประคองธุรกิจ

ปีนี้นารายาหันมาเน้นการผลิตและจำหน่ายสินค้า “หน้ากากผ้า” มากขึ้น เพื่อทำตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อรองรับสถานการณ์โรคระบาดที่รุนแรงทั่วโลก ซึ่งหน้ากากผ้ากลายเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิต

บริษัทได้เตรียมแผนการวิจัย และผลิตหน้ากากผ้าไว้ล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ COVID-19 ใหม่ๆ ในจีน และเมื่อสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้นในไทยเริ่มมีผู้ติดเชื่อ ก็สามารถที่จะเดินเครื่องผลิตได้ทันทีภายใน 1 สัปดาห์เท่านั้นเอง ซึ่งพบว่าในช่วงแรกที่เริ่มวางตลาดมียอดขายได้มากถึง 50,000 ชิ้น

ในช่วงที่ผ่านมาสินค้าของนารายาได้รับการตอบรับดี ทั้งจากลูกค้าคนไทย รวมทั้งยังมีการผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน จีน ญี่ปุ่น รวมทั้งขยายตลาดใหม่ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา กรีซ เยอรมนี ตุรกี ตะวันออกกลาง

จนขณะนี้จำหน่ายหน้ากากผ้าไปแล้ว 4 ล้านชิ้นจากโรงงานที่ผลิตได้วันละ 60,000 ชิ้นใน 2 โรงงาน ถือเป็นการส่งออกไปประเทศใหม่ๆ เพิ่มอีก 1 เท่าตัว จากก่อนหน้านี้จำหน่ายใน 36 ประเทศทั่วโลก

ทำใจ รายได้หาย 50%

ส่วนสินค้าหลักเดิมคือ กระเป๋าผ้านารายา มีการปรับกลยุทธ์ช่องทางการขายเพิ่มขึ้น จากหน้าร้านที่ขณะนั้นไม่สามารถเปิดร้านจำหน่ายได้ ด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับทางช้อปปี้ และเจดีดอทคอม โดยนำสินค้าของนารายาเข้าไปวางจำหน่ายใน 2 แพลตฟอร์มดังกล่าวประมาณ 500 SKU ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ซึ่งถือว่าได้รับความสำเร็จดีเช่นกัน โดยถึงขณะนี้มีสัดส่วนยอดขายแล้ว 10% ของยอดขายรวมทั้งหมด

แม้ว่าจะมีการปรับกลยุทธ์หันมาเน้นผลิตหน้ากากผ้า แต่ก็เป็นเพียงรายได้เสริม ไม่สามารถทดแทนกับรายได้หลักในการจำหน่ายกระเป๋าผ้าได้ที่มีสัดส่วนรายได้มากกว่า 99% รองมาคือ สกินแคร์ และเสื้อผ้า เล็กน้อยเท่านั้น และแม้ว่าจะมีการขายผ่านช่องทางออนไลน์แต่ก็ยังคงเป็นสัดส่วนที่น้อยมากอยู่เช่นเดียวกัน จึงทำให้คาดว่าในปี 2563 บริษัทฯ คาดว่ายอดขายรวมยังคงติดลบจากปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า 50% เพราะสถานการณ์ดังกล่าว

พศินกล่าวต่อว่า ในปี 2564 บริษัทฯ วางแผนธุรกิจใหม่ โดยจะหันมาให้ความสำคัญต่อการขายสินค้าประเภทเสื้อผ้าและสกินแคร์ไปด้วย ทั้งในช่องทางออนไลน์และร้านสะดวกซื้อทั่วไป เพื่อเป็นการขยายตลาดให้กว้างขึ้น นอกเหนือจากการขายในร้านของนารายาเพียงอย่างเดียว และเป็นการกระจายโอกาสในการสร้างรายได้ด้วย

ส่วนแผนการขยายสาขานั้นคงจะต้องชะลอไว้ก่อน เพราะสถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย จากปัจจุบันที่มี 28 สาขา อีกทั้งตั้งแต่มีการปลดล็อกมา บริษัทฯ เปิดสาขาบริการได้แล้ว 23 สาขาเท่านั้น ยังมีอีกหลายสาขาที่ยังไม่สามารถเปิดได้เนื่องจากข้อจำกัดด้านตลาด โดยเฉพาะยังไม่เปิดให้บริการในสถานที่ท่องเที่ยวที่จับตลาดชาวต่างชาติเป็นหลัก เช่น ภูเก็ต 2 สาขา เชียงใหม่ และเอเชียทีค เป็นต้น

Source