คู่แข่งมาแล้ว! Bolt แอปเรียกรถน้องใหม่จากยุโรปบุกไทย คิดค่าโดยสารถูกกว่า 20%

งานนี้ Grab มีสะเทือน ตอนนี้ Bolt แอปพลิเคชันเรียกรถน้องใหม่เข้ามาบุกตลาดในไทย เปิดให้บริการแล้วในกรุงเทพฯ ในช่วงแรกไม่เก็บค่าธรรมเนียมกับคนขับ และตั้งราคาถูกกว่าคู่แข่ง 20%

รู้จัก Bolt กันหน่อย

หลังจากที่ Uber ได้ม้วนเสื่อ ถอยทัพจากตลาดไทยไปหลายปี ทำให้ประเทศไทยดูเหมือนจะผูกขาดกับแอปพลิเคชันเรียกรถอยู่รายเดียวก้คือ “แกร็บ (Grab)” ทำให้กลไกตลาดขาดเรื่องของการแข่งขัน ราคาไปโดยปริยาย

แต่ล่าสุดได้มีน้องเข้ามาบุกตลาด เพื่อเป็นคู่แข่งรายใหม่ของแกร็บเป็นที่เรียบร้อย นั่นคือ Bolt เป็นแพลตฟอร์มให้บริการขนส่งจากประเทศเอสโทเนีย เริ่มก่อตั้งในปี 2013 ตอนนี้มีอายุได้ 6 ปีแล้ว

ภาพรวมธุรกิจเมื่อสิ้นปี 2019 Bolt ได้ทำตลาดใน 150 เมือง จาก 35 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป, แอฟริกา, แอฟริกาเหนือ, เอเชียตะวันตก และอเมริกาเหนือ มีฐานลูกค้ารวม 30 ล้านคน และมีพาร์ตเนอร์คนขับรวม 1 ล้านคน

บริการของ Bolt ไม่ได้แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นเท่าไหร่นัก มีตั้งแต่บริการขนส่ง รถยนต์, มอเตอร์ไซค์, สกู๊ตเตอร์ และเพิ่งเปิดบริการส่งอาหารหรือ Bolt Food เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2019 นี้เอง

ขอถูกกว่าคู่แข่ง 20%

ตอนนี้ Bolt ประกาศทดลองเปิดให้บริการในกรุงเทพฯ ประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีคนขับพร้อมให้บริการแล้วกว่า 2,000 คน

Bolt เปิดให้ดาวน์โหลดฟรี รวมถึงคนขับรถที่สนใจเข้าร่วมในแพลตฟอร์มนี้สามารถหารายได้ได้ง่ายๆ เพียงกดรับงานภายในแอปพลิเคชัน หากสนใจร่วมเป็นคนขับของ Bolt เพียงมีรถยนต์เป็นของตัวเองพร้อมใบอนุญาตต่างๆ ที่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ

ในการทำตลาดในไทยใน 6 เดือนแรก Bolt ประเทศไทย จะยกเว้นการเก็บค่าคอมมิชชั่นจากคนขับ และมอบส่วนลดค่าโดยสารที่ต่ำกว่าคู่แข่งเจ้าอื่นๆ ในตลาด 20%

แอปฯ

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Bolt ได้แล้วผ่าน App Store หรือ Google Play หลังลงทะเบียนเพื่อเริ่มใช้งานผู้โดยสารสามารถเรียกใช้บริการเรียกรถโดยสารได้ง่ายๆ เพียงเปิดแอปฯ ใส่พิกัดที่จะให้ไปรับพร้อมจุดหมายปลายทาง แอปฯ ก็จะประเมินค่าเดินทางให้เรียบร้อย หลังจากผู้โดยสารกดยืนยันผู้โดยสาร ตัวแอปฯ จะทำการแจ้งคนขับที่อยู่บริเวณรอบๆ เพื่อกดรับงาน

หลังจากคนขับกดรับงานจากผู้โดยสารแล้ว ผู้โดยสารจะสามารถเห็นข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่จำเป็นของคนขับ ทั้งยังสามารถรู้พิกัดของรถที่จะมารับได้อย่างเรียลไทม์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้โดยสารจะขึ้นรถได้ถูกต้อง และเมื่อถึงที่หมายปลายทางผู้โดยสารสามารถชำระค่าโดยสารได้ด้วยเงินสดในระยะแรกของการเปิดตัว