ในไตรมาสแรก ‘Under Armour’ สามารถทำรายได้ 930.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 23% จาก 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขาดทุนสุทธิ 589.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธุรกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของไวรัส COVID-19 เนื่องจากร้านค้าถูกปิด
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ลดลง 41% จาก 1.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 707.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อแยกตามประเภทพบว่า ยอดขายเสื้อผ้าลดลง 42% หรือ 426 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรองเท้าลดลง 35% อยู่ที่ 185 ล้านดอลลาร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ลดลง 47% หรือ 56 ล้านดอลลาร์อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายจะลดลง แต่จากแรงหนุนจากอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้ผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 182.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ถึงแม้ว่ารายได้จะลดลง แต่บริษัทก็สามารถเพิ่มอัตรากำไรได้อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากการขายโดยตรงให้กับลูกค้า” Patrik Frisk ประธานกรรมการบริหารของอันเดอร์ อาร์เมอร์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทประมาณการว่าประมาณ 80% ของร้านค้าที่สามารถซื้อสินค้ารวมถึงร้านค้าของตัวเองถูกปิดเนื่องจากการระบาดของโรค COVID-19 ถึงกลางเดือนพฤษภาคม แต่ในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมร้านค้าเริ่มกลับมาเปิดอีกครั้งหลังมีการคลายล็อกดาวน์ อย่างไรก็ตาม เพราะสถานการณ์ในหลายประเทศที่ยังไม่ดีขึ้น ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทคาดว่ารายได้อาจลดลงราว 20-25%
“เรามีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าทิศทางผู้บริโภคในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเป็นอย่างไร”
เมื่อปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาหุ้น Under Armour ลดลงประมาณ 47% ในปีนี้ ส่งผลให้มูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
