“ไปรษณีย์ไทย” ยุคใหม่กำลังเร่งหารายได้เพิ่มทุกช่องทาง โดยมีหนึ่งในไอเดียการหารายได้คือร่วมลงทุน “ร้านกาแฟ” กับเอกชนในที่ทำการไปรษณีย์บางแห่ง เพื่อเปิดโอกาสรับรายได้ 2 ต่อ ทั้งกำไรจากการขายกาแฟ และได้ขยายเวลาเปิด/ปิดทำการสาขารับลูกค้าส่งพัสดุได้เพิ่มขึ้นอีก
ยุคโลจิสติกส์แข่งดุ ทำให้พี่ใหญ่ที่อยู่มาก่อนต้องเร่งปรับตัว นอกจากไลน์ธุรกิจส่งจดหมายและพัสดุแล้ว แหล่งรายได้อื่นๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดย “ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเจรจาดีลกับร้านกาแฟ 2 แห่ง แห่งหนึ่งคือ Bellinee’s ในเครือซีพี ส่วนอีกเจ้าขอยังไม่เปิดเผยชื่อ จุดประสงค์เพื่อให้มาร่วมลงทุนพัฒนา “ร้านกาแฟ” ภายในที่ทำการไปรษณีย์ไทย
ที่ใช้คำว่า “ร่วมลงทุน” เพราะโมเดลไม่ใช่แค่การเปิดพื้นที่ให้เช่า แต่บริษัทต้องการใช้ชื่อแบรนด์ร้านว่า Post Cup มีสไตล์การตกแต่งในแบบของไปรษณีย์ไทย เพียงแต่ลงระบบการบริหารจัดการ สูตรกาแฟและเบเกอรี่จากร้านที่มาร่วมทุนด้วย เนื่องจากไปรษณีย์ไทยต้องการมีโอกาสรับรายได้เพิ่มขึ้นจากกำไรการขาย ไม่ต้องการรับเพียงค่าเช่าที่
ทั้งนี้ การเปิดร้านกาแฟคงไม่ใช่ทุกสาขาที่เปิดได้ ความเป็นไปได้จะต้องเป็นสาขาไซส์ M และ L ซึ่งมักจะมีพื้นที่เหลือให้เช่า และต้องร่วมกับเอกชนคัดเลือกสาขาที่เหมาะกับการเปิดร้านกาแฟด้วย
เพิ่มเวลาทำการ “วันหยุด”
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่ต้องเป็น Post Cup เพราะก่อกิจมองประโยชน์อีกต่อหนึ่งของการมีร้านกาแฟในที่ทำการไปรษณีย์ คือการขยายเวลาเปิดหรือปิดทำการมากกว่าช่วงเวลาปกติของที่ทำการ ตามปกติของร้านกาแฟย่อมเปิดเช้ากว่าหรือปิดดึกกว่าเวลาทำการ รวมถึงเปิดวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ด้วย น่าจะช่วยอุดจุดอ่อนส่วนนี้ของไปรษณีย์ไทยที่สาขานอกศูนย์การค้ามักจะไม่เปิดวันหยุดหรือเปิดเพียงครึ่งวัน
เมื่อมีร้านกาแฟของไปรษณีย์ไทยเอง สามารถเป็นจุดรับฝากส่งพัสดุนอกเวลาทำการเพิ่มเติมได้ หรืออนาคตอาจจะใช้ตู้ iBox มาทำหน้าที่ First Mile สามารถรับฝากส่งพัสดุจากผู้ส่งได้ด้วย โดยนำมาตั้งไว้ในร้านกาแฟ ช่วยเพิ่มเวลาทำการของการรับฝากส่งพัสดุได้เช่นกัน (ปัจจุบันตู้ iBox ทำได้เฉพาะการนำจ่ายพัสดุให้ผู้รับ โดยผู้รับต้องนำรหัสมาไขรับของเองจากตัวตู้)
ก่อกิจกล่าวว่า ขณะนี้ดีลกับ Bellinee’s เพราะมองว่าเป็นร้านที่ลงตัว มีทั้งกาแฟและเบเกอรี่ทำสดใหม่น่ารับประทาน โดยแบรนด์แสดงความสนใจแล้ว แต่ยังต้องพูดคุยในรายละเอียด ซึ่งถ้าหากปิดดีลไม่สำเร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ ไปรษณีย์ไทยจะมองหาพันธมิตรใหม่ๆ ต่อไป
โดยสิ่งที่แบรนด์ร้านกาแฟจะได้คือโอกาสหารายได้เพิ่ม และสาขาที่เปิดกับไปรษณีย์ไทยค่อนข้างรับประกันได้ว่าอยู่ในจุดที่คนรู้จักมีทราฟฟิกที่ชัดเจน
นับเป็นอีกคอนเซ็ปต์โครงการใหม่ที่น่าสนใจของไปรษณีย์ไทย ที่คิดนอกกรอบธุรกิจหลักแต่ก็ยังช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักได้เช่นกัน