“ลูกค้าจีน” พร้อมซื้อคอนโดฯ ออนไลน์! “โนเบิล” เปิดดิจิทัล แพลตฟอร์มโกยยอดขายข้ามประเทศ

แม้ว่าสถานการณ์ COVID-19 จะทำให้ความต้องการซื้อของ “ลูกค้าจีน” ต่ออสังหาฯ ไทยสะดุดไปบ้าง แต่ความต้องการนั้นกลับมาแล้ว เพียงแต่ประเทศไทยยังไม่เปิดพรมแดนให้ชาวต่างชาติเข้ามา จึงเป็นโจทย์สำคัญให้ต้องแก้สำหรับบริษัทที่มุ่งเป้าลูกค้าชาวต่างชาติ โดย “โนเบิล” เลือกเปิดช่องทางขายแบบ “ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” ตอบรับพฤติกรรมลูกค้าจีนที่เคยชินกับการซื้อบ้านออนไลน์ ทำยอดขาย 900 ล้านบาทช่วงครึ่งปีแรก 2563

“แฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง” รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ฉายภาพสถานการณ์การซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวจีนในช่วงครึ่งปีแรก 2563 ว่า หลังจากเกิดสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ในประเทศจีนเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2563 ยอดขายอสังหาฯ ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดทันที

แต่หลังจากนั้นเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคม และปัจจุบันการขายอสังหาฯ ในตลาดจีนฟื้นตัวสู่จุดเดียวกับปี 2561 แม้ว่าจะยังไม่เท่ากับปี 2562 แต่ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี

ยอดขายตลาดอสังหาฯ ประเทศจีน โดยเส้นสีดำคือปี 2563 เส้นสีแดงคือปี 2562 และเส้นสีฟ้าคือปี 2561

สำหรับโนเบิลที่มุ่งเป้าตลาดต่างประเทศ โดยยอดขายจากต่างชาติคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของยอดขายรวมบริษัท และราว 70% ของลูกค้าต่างชาติคือลูกค้าจีนแผ่นดินใหญ่ บริษัทเล็งเห็นว่าดีมานด์ลูกค้าจีนต่ออสังหาฯ ไทยยังมีอยู่และฟื้นตัวตามตลาดรวม เพียงแต่ปัญหาสำคัญคือ “ลูกค้าบินเข้ามาเยี่ยมชมเซลส์แกลลอรี่ไม่ได้” เพราะประเทศไทยยังคงปิดพรมแดนไม่รับนักท่องเที่ยว

 

คนจีน “เคยชิน” กับการซื้ออสังหาฯ ออนไลน์

เพื่อแก้โจทย์นี้ แฟรงค์กล่าวว่าบริษัทมีการศึกษาตลาดจีน พบว่าบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ในจีนเริ่มเปิดช่องทางขายแบบ “ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” ขึ้น เป็นช่องทางขายแบบออนไลน์ 100% ลูกค้าที่สนใจสามารถวิดีโอคอลล์กับพนักงานขายเพื่อให้พาชมโครงการ และปรากฏว่าปิดการขายได้จริง ปัจจุบันยอดขายอสังหาฯ ในประเทศจีน 15-30% มาจากยอดขายออนไลน์ในลักษณะนี้ และเติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 1,000%

ทีมผู้บริหารโนเบิล : (ซ้าย) “อรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (กลาง่) “แฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง” รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และ (ขวา) “ธงชัย บุศราพันธ์” ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

“ธงชัย บุศราพันธ์” ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า จากพฤติกรรมลูกค้าจีนดังกล่าวทำให้โนเบิลพัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์มของบริษัทเองเพื่อขายออนไลน์ข้ามประเทศ สอดคล้องกับพฤติกรรมของชาวจีน โดยเริ่มเปิดตั้งแต่เดือนเมษายน 2563

“ประเทศจีนเขาล็อกดาวน์ทีเขาล็อกทั้งประเทศ แม้แต่คนที่จะซื้ออสังหาฯ ในจีนแต่อยู่คนละเมืองก็เดินทางไปดูโครงการไม่ได้เหมือนกัน ทำให้ดีเวลลอปเปอร์จีนก็ต้องใช้วิธีขายออนไลน์ ก็เป็นจังหวะที่ดีที่ลูกค้าเขาเคยชินกับวิธีการนี้แล้ว ทำให้เราสามารถทำได้” ธงชัยกล่าว

โนเบิลมีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดลูกค้าอสังหาฯ ต่างประเทศเพิ่มเป็น 34% ในช่วงครึ่งปีแรก 2563

แฟรงค์ระบุว่า ช่วงครึ่งปีแรก เฉพาะบริษัทโนเบิลมียอดขายต่างประเทศแตะ 900 ล้านบาท และทั้งหมดมาจากการขายออนไลน์ มูลค่าดังกล่าวคิดเป็น 34% ของยอดขายอสังหาฯ ไทยให้กับลูกค้าต่างชาติทั้งตลาดในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา และเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปกติโนเบิลจะมีมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 18-20%

นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โนเบิลมียอดขายต่างชาติลดลงไม่มาก เฉพาะไตรมาส 2/63 มูลค่ายอดขายต่างชาติของโนเบิลลดลง -14% และจำนวนยูนิตขายลดลง -11% เท่านั้น เนื่องจากมีการเปิดขายออนไลน์ดังกล่าว

 

ขายอสังหาฯ “ราคาเดียว”

ธงชัยกล่าวเสริมว่า ไม่เพียงแต่มีช่องทางขายและสินค้าหลายระดับราคาให้เลือก แต่ยังต้องสร้าง “ความไว้วางใจ” กับลูกค้าต่างชาติด้วย โดยบริษัทมีนโยบาย Single Price Point คือเปิดขายอสังหาฯ ราคาเดียวกันทุกประเทศ

“เมื่อก่อนการขายอสังหาฯ ต่างประเทศผ่านเอเย่นต์ท้องถิ่น บริษัทต่างๆ จะขายให้เอเย่นต์ในราคาเท่ากับที่ขายในไทย แล้วเอเย่นต์จะนำไปบวกกำไรเพิ่ม แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้ว ลูกค้าเขาเช็กในเว็บไซต์นิดเดียวก็รู้แล้วว่าที่ไทยขายเท่าไหร่ ถ้าเขาเห็นว่าเขาถูกโขกราคาขึ้นไปสูงก็จะเกิดความไม่ไว้วางใจเราขึ้น” ธงชัยกล่าว

ตลาดใหญ่ในต่างประเทศของโนเบิลคือ จีน (68%) ฮ่องกง (14%) และไต้หวัน (5%)

ดังนั้น โนเบิลจึงต้องการให้ขายราคาเดียวกันทั้งหมด กรณีตลาดต่างประเทศต้องทำความเข้าใจกับเอเย่นต์ และบริษัทต้องยอมลดกำไรเอง เพื่อมีกำไรแบ่งให้กับเอเย่นต์ด้วย โดยปัจจุบันโนเบิลมีเครือข่ายเซลส์ออฟฟิศและเอเย่นต์ครอบคลุมหัวเมือง 16 เมืองจาก 21 เมืองสำคัญของจีน เจาะตลาดครบทั้งเมืองหลักเมืองรอง

สำหรับพอร์ตอสังหาฯ ของโนเบิลที่อยู่ระหว่างขายปัจจุบันมีทั้งหมด 18 โครงการ มูลค่ารวม 31,000 ล้านบาท เฉพาะปี 2563 เปิดตัวแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท ได้แก่ โนเบิล อเบิฟ ไวร์เลส-ร่วมฤดี, โนเบิล สเตท 39, นิว โนเบิล งามวงศ์วาน, นิว โนเบิล รัชดา-ลาดพร้าว และนิว โนเบิล ไฟฉาย-วังหลัง

โดยมีอีก 2 โครงการเตรียมเปิดตัวปลายปีนี้ ได้แก่ โครงการโนเบิลย่านทองหล่อ ซอยสุขุมวิท 55 มูลค่าโครงการ 5,200 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ ถนนวิทยุ มูลค่าโครงการ 10,700 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในราคาเกือบ 3 แสนบาทต่อตร.ม. อย่างไรก็ตาม โครงการที่ถนนวิทยุเป็นโครงการใหญ่มูลค่าสูง อาจจะพิจารณาสถานการณ์ก่อนเปิดตัวอีกครั้งหนึ่งว่าจะเลื่อนออกไปเป็นปี 2564 หรือไม่