จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตั้งแต่เริ่มการผ่อนปรนมาตรการป้องกัน และไม่พบจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ภาคธุรกิจเริ่มมีการกลับมาเปิดดำเนินการ ในขณะที่ภาคประชาชนก็ทยอยกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จึงนับว่าเป็นสัญญาณอันดีต่อแบรนด์ และนักการตลาดที่จะกลับไปเข้าถึงผู้บริโภคได้อีกครั้ง ส่งผลให้การแข่งขันทางธุรกิจจะเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ดั้งนั้นการเตรียมความพร้อม และการวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะยืนหยัดสู่ความเป็นผู้นำในตลาด
กรุ๊ปเอ็ม ประเทศไทย (GroupM) กลุ่มเอเยนซี่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านบริหารจัดการการลงทุนด้านสื่อในเครือ ดับบลิวพีพี (WPP) จับมือกับเอเยนซี่ในเครือได้แก่ มายด์แชร์ มีเดียคอม เวฟเมคเกอร์ ได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากพันธมิตรสื่อ และบริษัทผู้นำวิจัยนับตั้งแต่เริ่มมีการประกาศ พรก. ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 เพื่อทำการวิเคราะห์และเผยถึงโอกาสสำหรับภาคธุรกิจในช่วงการฟื้นตัวต่อจากนี้ ผ่านบทความ GroupM POV – Coronavirus Situation in Thailand 100 Days and Beyond และได้ทำการสรุปคำแนะนำสำหรับธุรกิจสินค้าในแต่ละหมวดหมู่ดังนี้
หมวดหมู่การท่องเที่ยว และบริการ
มาตรการป้องกันต่างๆ เพื่อป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เช่น การประกาศห้ามอากาศยานบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้เกิดผลกระทบ และการเสียโอกาสต่อธุรกิจ และอุตสาหกรรมอย่างการท่องเที่ยว และการโรงแรมเป็นอย่างมาก ธุรกิจบริการทั้งในส่วนของการคมนาคมขนส่ง และการโรงแรมมีการลดจำนวนพนักงาน หรือปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก
แต่ในขณะเดียวกันมาตรการคลายล็อคจากภาครัฐ รวมถึงสงครามราคาจากทั้งโรงแรม และสายการบินก็ทำให้ความต้องการด้านการท่องเที่ยวในประเทศกลับมาเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง โดยธุรกิจภายใต้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการโรงแรมควรหันมาให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศ ผ่านการสร้างคุณค่าของธุรกิจและบริการให้แตกต่างจากคู่แข่งด้วยความรวดเร็ว และเท่าทันตลาด ซึ่งรวมไปถึงการใช้กลยุทธ์ช่องทางในการสื่อสารทางการตลาด เช่น เสิรช์ หรือการนำเสนอสิ่งที่สามารถทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ทันที
ช่วงเวลานี้ยังเป็นเวลาที่เหมาะแก่การนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่เน้นเรื่องของความปลอดภัย และสุขภาพ นอกจากนี้แบรนด์ยังสามารถนำความรู้เฉพาะทาง เช่น อาหาร และเครื่องดื่ม หรือแม้แต่ความเชี่ยวชาญทางด้านความสะอาด มาใช้เพื่อเป็นหนทางในการขยายตลาดสินค้า หรือบริการ
นอกจากนี้แบรนด์ยังควรที่จะติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวขาเข้าประเทศ โดยเฉพาะเรื่องมาตรการใหม่อย่าง Travel Bubble ที่สามารถเป็นโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
หมวดหมู่ยานยนต์ และอสังหาริมทรัพย์
จากสถิติของเดือนพฤษภาคมพบว่า ยอดขายของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยลดลงถึง 54% โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าผลกระทบของไวรัส COVID-19 จะทำให้ความต้องการในการซื้อยานพาหนะลดลงและส่งผลให้ยอดขายของปี 2563 มีแนวโน้มที่จะตกลงไปประมาณ 30%-50%
บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 41 มียอดการจองรถในปีนี้ 22,791 คัน จากเป้าที่ตั้งไว้ 30,000 คัน ซึ่งเป็นยอดที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบยอดจอง 49,278 คัน ในปีก่อนหน้า โดยงานในปีนี้มีการถอนตัวจากสองแบรนด์ดังอย่าง Mercedes-Benz และ Harley Davison
สำหรับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 มีผลให้ความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมกลุ่มคนไทยฐานะปานกลาง และชาวต่างชาติลดลง ซึ่งถ้านับแค่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติเพียงอย่างก็เป็นสัดส่วนถึง 35% ของส่วนแบ่งการตลาด
แต่ในทิศทางกลับกันสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรระบุว่าบ้านในกลุ่ม High-end และอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบออฟฟิศกำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นจากนักลงทุน โดยมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้นที่จะหันมาให้ความสำคัญกับโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเพิ่มขึ้น
นักการตลาดในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ และอสังหาริมทรัพย์ต้องเพิ่มความสำคัญในการทำการตลาดแบบ Always On และต้องคำนึงถึงการสร้างภาพลักษณ์และคุณค่าของแบรนด์ต่อผู้บริโภคและสังคม เพื่อเป็นการสร้างการจดจำในระยะยาว โดยที่แบรนด์ต้องจะปรับกลยุทธ์ผ่านการใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อที่จะเข้าหาผู้บริโภคบนเจอร์นีที่เปลี่ยนไป
หมวดหมู่ธนาคาร และสินค้าเทคโนโลยี
ในช่วงของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศไทยได้ปรับเวลาการให้บริการใหม่ทั้งหมด รวมถึงเพิ่มการแนะนำและสนับสนุนให้ลูกค้าผู้ใช้บริการหันไปใช้ช่องทางดิจิทัลในการทำธุรกรรม ส่งผลให้ยอดผู้ทำการเปิดบัญชีออนไลน์รายใหม่เพิ่มขึ้น 3.8% อีกทั้งยังมีธนาคารที่เริ่มพัฒนาระบบการให้บริการทางออนไลน์ และเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ออกมาอีกด้วย
สินค้าประเภทเทคโนโลยี แม้จะได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคไม่สามารถออกไปใช้บริการที่ร้านในช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังสามารถติดต่อกับแบรนด์ผ่านระบบต่างๆ อาทิ call center เว็ปไซต์ หรือแอพพลิเคชั่น ซึ่งส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ยังมีความต้องการเทคโนโลยีและบริการสื่อต่างๆ อยู่เช่นเดิม โดยพบว่าบริการเทคโนโลยีทางด้านสื่อบันเทิง Video Streaming อย่าง Netflix หรือ WeTV มีจำนวนผู้ใช้และผู้ติดตามเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
การที่ผู้บริโภคเริ่มมีความคุ้นเคยกับความสะดวกสบายจากแพลตฟอร์มดิจิทัล แบรนด์และนักการตลาดต้องแน่ใจว่าแพลตฟอร์ม หรือเทคโนโลยีของตัวเองจะได้รับการพัฒนาให้ผู้บริโภคใช้งานได้ง่ายขึ้น
การสื่อสารทางการตลาดสำหรับสินค้าในหมวดหมู่นี้ ต้องอาศัยการสื่อสารแบบผสมผสานระหว่างสื่อทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์แบบ Always On ในเรื่องของนวัตกรรมและความสะดวกสบายจะดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค นอกจากนี้การใช้เสิรช์ร่วมกับการตลาดแบบเน้นผล (Performance based) เพื่อช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสำหรับลูกค้าของกลุ่มสินค้านี้ได้
หมวดหมู่สินค้าอุปโภคบริโภค
สินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ในครัวเรือน และอาหาร อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ เพราะสินค้าหมวดหมู่นี้เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยในการดำรงชีวิต โดยในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดเทรนด์ และกิจกรรมการอยู่บ้านใหม่ๆ เช่น การทำอาหารกินเองที่บ้าน ซึ่งทำให้ร้านค้าปลีกรวมถึงร้านสะดวกซื้อได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของการบริการเพื่อความสะดวกสบายของผู้บริโภค เช่น ทั้งการสั่งสินค้าผ่านระบบออนไลน์ บริการส่งสินค้าถึงที่บ้าน
แบรนด์ในกลุ่มของสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ในครัวเรือน และอาหาร ควรรักษามาตรฐานการสื่อสารทางการตลาดทั้งรูปแบบออฟไลน์ และออนไลน์อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาและเพิ่มความต้องการซื้อจากผู้บริโภค ทั้งนี้นักการตลาดควรคำนึงถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปผ่านการใช้อีคอมเมิร์ซ ควบคู่ไปกับการร่วมมือกับแพลตฟอร์มการค้าขายออนไลน์อื่นๆ
กลยุทธ์การขายสินค้าที่มีแพคเกจขนาดเล็กลง เพื่อเจาะกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ยังไม่มีครอบครัวยังคงเป็นโอกาสที่น่าสนใจในช่วงนี้ แต่สิ่งสำคัญคือแบรนด์ต้องวางกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจของผู้บริโภคต่อในเรื่องคุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้า โดยต้องแน่ใจว่าผู้บริโภคสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของสินค้าได้
หมวดหมู่สินค้าความงาม และแฟชั่น
สิ่งที่คล้ายกันสำหรับสินค้า และผลิตภัณฑ์ในสองอุตสาหกรรมนี้คือเรื่องระยะเวลาที่จำกัด เช่น วันหมดอายุของสินค้าความงาม ฤดูกาล หรือช่วงเวลาที่อยู่ในเทรนด์ของสินค้าแฟชั่น มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดทำให้แบรนด์เสียโอกาสในการขายเนื่องจากช่วงที่ห้างร้านปิด ผู้คนจึงไม่จำเป็นต้องแต่งตัวออกไปนอกบ้าน ความท้าทายของแบรนด์ และนักการตลาดคือ จะทำอย่างไรจึงจะสามารถจำหน่ายสินค้าที่ยังคงเหลือคงคลังให้ได้ก่อนที่จะสินค้าจะหมดอายุ หรือล้าหลังจนเกินไป
ในขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยมีสัญญาณที่ค่อยๆ คลี่คลาย ผู้บริโภคเริ่มทยอยออกมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่นักการตลาดยังต้องไม่ลืมว่าผู้บริโภคยังคงมีความระมัดระวังในการใช้เงิน และอาจจะไม่ได้กลับไปซื้อสินค้าในหมวดหมู่นี้มากเช่นเดิม
นอกเหนือจากการขายหน้าร้าน แบรนด์ควรที่จะปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่เริ่มคุ้นชินกับความสะดวกสบายในการหาสินค้าผ่านการเสิรช์ ที่นำผู้บริโภคไปสู่การซื้อทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และช่องทางการขายออนไลน์ของแบรนด์เอง
สำหรับแบรนด์ความสวยความงาม เครื่องสำอาง และสกินแคร์ นักการตลาดสามารถใช้ฐานข้อมูลจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีอยู่นำมาวิเคราะห์ และคาดการณ์เพื่อสร้างโอกาสสำหรับในการขายในครั้งต่อไป
กลุ่มผู้บริโภคในภูมิภาคต่างๆ ยังคงให้ความสนใจกับคำแนะนำจาก Micro Influencer ที่เป็นคนท้องถิ่น โดยผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กที่วางขายในร้านสะดวกซื้อหรือร้านโชห่วย ยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น และต่างจังหวัด
จากผลสำรวจพบว่าผู้บริโภคมีความสนใจเกี่ยวกับการป้องกันปัญหาสุขภาพมากขึ้น ดังนั้นแบรนด์สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ หันไปพัฒนาผลิตสินค้าใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพมากกว่าการขายระยะสั้น เช่น การขยายสินค้าประเภทหน้ากาก หรือการทำโปรโมชั่น