องค์กรอนามัยโลก เชื่อว่าจะหยุดการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ภายใน 2 ปี ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันที่ก้าวหน้าไปมาก พร้อมเริ่มรณรงค์การสวมหน้ากากอนามัยในเด็ก เเละเปรียบเทียบการคอร์รัปชันชุด PPE ว่าเป็นการก่ออาชญากรรม
นายเเพทย์ Tedros Ghebreyesus ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โรคระบาด COVID-19 ถือเป็นวิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่ในรอบศตวรรษ โดยหวังว่าไวรัสโคโรน่าดังกล่าว จะหยุดแพร่ระบาดภายใน 2 ปี เช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ เมื่อปี 1918 ที่สิ้นสุดในระยะเวลาเดียวกันนี้
โดยปัจจัยหลักๆ มาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันที่จะช่วยให้สามารถหยุดการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ในระยะเวลาสั้นกว่า นอกเหนือจากนั้นยังมีความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกันของชาวโลกด้วย
ผู้อำนวยการใหญ่ WHO กล่าวอีกว่า เเม้การเดินทางที่เชื่อมต่อกันในปัจจุบัน จะทำให้เชื้อไวรัสมีโอกาสแพร่กระจายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน เราก็มีเทคโนโลยีมีความรู้ที่จะหยุดยั้งมันได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ WHO ได้เลี่ยงใช้คำเรียกโรคไข้หวัดใหญ่ เมื่อ 102 ปีก่อนว่า “ไข้หวัดสเปน” ตามที่หลายคนคุ้นเคย เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของโรค เเต่สเปนได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยขณะนั้นมียอดรวมผู้เสียชีวิตทั้งหมดราว 50 ล้านคน จากจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมราว 500 ล้านคน และใช้เวลามากกว่า 2 ปี จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ล่าสุด WHO ได้ร่วมมือกับสหประชาชาติในการเผยแพร่แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันโรค COVID-19 ในเด็ก เเละเเนะนำให้ผู้มีอายุตั้งแต่ 12 ปีควรสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ส่วนผู้มีอายุน้อยกว่านั้นให้อยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ปกครอง ขณะที่กรณีการคอร์รัปชันชุดป้องกันการติดเชื้อ (PPE) ที่เกิดขึ้นในแอฟริกาใต้นั้น ผอ.WHO เปรียบเทียบว่า ไม่ต่างอะไรจากการก่ออาชญากรรม เพราะทำให้บุคคลกรทางการแพทย์ที่กำลังทำหน้าที่ต้องเสี่ยงชีวิตไปด้วย
สำหรับยอดผู้ป่วยจาก COVID-19 สะสมทั่วโลก ตอนนี้อยู่ที่อย่างน้อย 22.5 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 7.89 เเสนคน