Picodi อีคอมเมิร์ซที่นำเสนอโปรโมชั่นส่วนลดแก่ผู้ซื้อออนไลน์ ได้ทำการรวบรวมข้อมู
● ออสเตรเลีย และมาเลเซียมีราคาน้ำ
● ประเทศไทยเงินเดือนเฉลี่ยจำนวน 19,472 บาทสุทธิ หมายความว่าคนไทยสามารถซื้อน้ำ
● ประเทศลาว และกัมพูชาอยู่ที่
Picodi ได้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันในหลายๆ ประเทศ และคำนวณว่าน้ำมันกี่ลิตรโดยเฉลี่ยในปี 2563 ที่คนไทยจะซื้อได้ต่อเงินเดือนหนึ่งเดือน
น้ำมันที่ถูกกว่าเดิม
เนื่องจากความผันผวนของราคาในตลาดน้ำมัน เหมือนปีที่แล้วได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับราคาน้ำมันในช่วงครึ่งแรกของปี ใน 16 ประเทศจาก 21 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พิจารณาแล้วราคาน้ำมันในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ต่ำกว่าในปี 2562 โดยมาเลเซียมีราคาลดลงมากที่สุด
- มาเลเซีย (-19%)
- เวียดนาม (-18.4%)
- ประเทศไทย (-17.7%)
- ฟิลิปปินส์ (-14.4%)
- จีน (-12.1%)
- กัมพูชา (-10.2%)
- อินโดนีเซีย (-9.5%)
- ออสเตรเลีย (-9.2%)
- นิวซีแลนด์ (-4.9%)
- ญี่ปุ่น (-5.5%)
เป็นที่น่าสนใจในฮ่องกง และปากีสถานราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นปานกลาง (1.8%) ส่วนในศรีลังการาคาน้ำมันนั้นเพิ่มขึ้นถึง 3.4%
ประเทศใดราคาน้ำมันราคาดีที่สุด?
ที่มาเลเซียนั้นราคาน้ำมันถูกที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ราคาน้ำมันเฉลี่ยแปลงจากริงกิตมาเลเซียได้เท่ากับ 0.30 USD/ลิตร ส่วนชาวฮ่องกงต้องจ่ายราคาสูงสุดอยู่ที่ 2.22 USD/ลิตร
เปรียบเทียบราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 กับข้อมูลเงินเดือนโดยเฉลี่ยล่าสุด ในปี 2563 ออสเตรเลีย และมาเลเซียมีราคาน้ำมันที่ดีที่สุดต่ออัตราเงินเดือนโดยเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เงินเดือนโดยเฉลี่ยทำให้ประชากรในประเทศนั้น ๆ ซื้อน้ำมันได้เป็นจำนวนมากกว่าเป็นจำนวน 4,288 ลิตร และ 2,135 ลิตร ตามลำดับ และประเทศนิวซีแลนด์ 2,082 ลิตร
โดยข้อมูลล่าสุดจาก NSO ในประเทศไทยเงินเดือนเฉลี่ยจำนวน 19,472 บาทสุทธิ หมายความว่าคนไทยสามารถซื้อน้ำมันได้ 657 ลิตรด้วยเงินเดือนหนึ่งเดือน อยู่อันดับที่ 9
ประเทศที่ดีกว่าไทยคือ จีน ซื้อได้ 1,039 ลิตร และญี่ปุ่น 2,062 ลิตร อันดับที่ต่ำกว่าคือเวียดนาม ซื้อได้ 582 ลิตร, อินโดนีเซีย 314 ลิตร และฟิลิปปินส์ 333 ลิตร
ประเทศลาว และกัมพูชาอยู่ที่สองอันดับสุดท้าย เงินเดือนโดยเฉลี่ยในประเทศเหล่านี้สามารถจ่ายค่าน้ำมันได้เป็นจำนวน 300 ลิตร และ 250 ลิตรตามลำดับ
การจัดอันดับราคาน้ำมันโลก
ในการจัดอันดับโลกนั้นตำแหน่งสูงสุดถูกยึดครองโดยประเทศอ่าวเปอร์เซีย ในซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์ และคูเวต สามารถซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงได้ตั้งแต่ 5,112 ลิตร ถึง 8,210 ลิตรสำหรับเงินเดือนโดยเฉลี่ย เป็นที่น่าสังเกตว่าชาวคูเวตสามารถซื้อได้น้อยกว่าปีที่แล้วเป็นจำนวน 139 ลิตร ในทางกลับกัน ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ในปี 2020 นั้น สามารถซื้อนำมันเชื้อเพลิงได้ประมาณ 4,933 ลิตร และ 1,603 ลิตรขึ้นไป
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนั้นเกิดขึ้นในคิวบา ซึ่งเงินเดือนเฉลี่ยนั้นซื้อได้เพียง 28 ลิตร (เพิ่มขึ้น 2 ลิตร) ถึงแม้ว่าทาจิกิสถาน และแซมเบียจะอยู่อันดับล่างที่ใกล้เคียงกับคิวบา แต่ประชาชนในประเทศเหล่านี้สามารถจ่ายเพื่อซื้อน้ำมันได้มากกว่า 7 เท่าของคิวบา (151 ลิตร และ 219 ลิตรตามลำดับ)
ปรากฏว่าในบางประเทศ ถึงจะเป็นผู้ประกอบการน้ำมันนั้นก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาที่ดีกว่าเสมอไป ตัวอย่างเช่น ไนจีเรีย ผลิตน้ำมันได้จำนวนมากที่สุดในแอฟริกา แม้จะมีราคาน้ำมันต่ำที่สุดในโลก (0.34 $) แต่เงินเดือนเฉลี่ยค่อนข้างต่ำ (182 $) จึงไม่สามารถซื้อน้ำมันได้จำนวนไม่มากนัก เพียงแค่ 539 ลิตร ซึ่งมีความคล้ายกับสวรรค์แห่งน้ำมันของยุโรป รัสเซียประเทศที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสอง สำหรับเงินเดือนเฉลี่ยสามารถซื้อได้เพียง 919 ลิตร
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ สถานการณ์ที่เวเนซุเอลาประเทศในอเมริกาใต้ ได้จำกัดจำนวนน้ำมันซึ่งให้ซื้อน้ำมันต่อคนเพียง 120 ลิตรต่อเดือน ในราคาประมาณ 0.025 ดอลลาร์ต่อลิตร เมื่อเกินปริมาณที่กำหนดแล้วน้ำมันนั้นสามารถซื้อได้เพียงที่ “ตลาด” ราคานั้นอยู่ที่ 0.5 ดอลลาร์ต่อลิตร และมีสถานีบริการน้ำมันเพียง 200 แห่งในประเทศเท่านั้น
จากการคำนวณของเราแสดงให้เห็นว่าเงินเดือนโดยเฉลี่ยในเวเนซุเอลานั้นสามารถซื้อน้ำมันได้เพียงแค่ 148 ลิตร (120 ลิตร เงินอุดหนุน และ 28 ลิตร จ่ายเต็มจำนวน) ซึ่งแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้วโดยทฤษฎี 14 พันล้านลิตร
ระเบียบวิธีการจัดหาข้อมูล
รายงานนี้ใช้ค่าจ้างสุทธิเฉลี่ยตามข้อมูลล่าสุดที่มีให้ โดยสำนักงานสำหรับสถิติแห่งชาติหรือกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ราคาเฉลี่ยสำหรับครึ่งแรกของปี 2563 ในกว่า 100 ประเทศ ขึ้นอยู่กับข้อมูลจาก globalpetrolprices.com และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ในท้องถิ่น เพื่อให้ได้จำนวนลิตร เราแบ่งค่าแรงเฉลี่ยด้วยราคาเฉลี่ย 1 ลิตร สำหรับการแปลงสกุลเงินใช้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยใน 90 วันที่ผ่านมา
สามารถอ่านรายงานฉบับสมบูรณ์
